‘วิสุทธิ์’ลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ในรอบทศวรรษ

Photo of author

วิสุทธิ์ อรรจนาวัฒน์ โปรวัย 39 ปีเก็บ 6 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ ก่อนจบรอบสอง 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสองวัน 11 อันเดอร์พาร์ 133 นำหน้า วีรวิทย์ สกุลเจริญรัตน์ สโตรกเดียว ในศึกกอล์ฟอาชีพไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ รายการสิงห์-เอสเอที กาญจนบุรี คลาสสิก 2020 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามเอเวอร์กรีน ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,289 หลา พาร์ 72 จ.กาญจนบุรี

สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที กาญจนบุรี คลาสสิก 2020”​ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท โดยจัดภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 จากทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จากการสนับสนุนร่วมกันของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. รายการนี้เป็นการสะสมเงินรางวัลออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการที่เจ็ดของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 54 หลุม ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย.2563 ณ สนามเอเวอร์กรีน ฮิลล์ กอล์ฟ คลับ ระยะ 7,289 หลา พาร์ 72 จ.กาญจนบุรี

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมาเป็นรอบสองของการแข่งขัน วิสุทธิ์ อรรจนาวัฒน์ นักกอล์ฟวัย 39 ปีที่กำลังลุ้นลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่สองในชีวิตต่อจากชัยชนะที่วอเตอร์มิลล์ เมื่อปี 2010 เจอวงสวิงถนัดทันเวลาก่อนเก็บเข้ามา 6 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ จบรอบสอง 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสองวัน 11 อันเดอร์พาร์ 133 นำการแข่งขัน 1 สโตรกก่อนเข้า 18 หลุมสุดท้าย

วิสุทธิ์ อรรจนาวัฒน์ เปิดเผยว่า “เกมทั้งสองวันเลยนะครับเล่นดีกว่าที่เล่นมาตลอดทั้งปี เหมือนเราหาวงสวิงเจอประกอบกับลูกพัตต์ก็ได้ด้วย กุญแจสำคัญเลยคือช็อตแอพโพรช จริงๆแล้วคือสวิงดีกว่า ทั้งสวิงทีช็อต สวิงตีเหล็ก มันไปอย่างที่ใจอยากให้มันไปมากขึ้น แล้วยังได้ลูกพัตต์มาช่วยด้วย”

นักกอล์ฟวัย 39 ยังได้กล่าวถึงโอกาสในการคว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่สองในอาชีพด้วยว่า “ผมไม่ได้คิดมากถึงขนาดนั้น เพราะว่าเราเคยอยู่ในระดับอะไรประมาณนี้แล้ว ก็มีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว เป็นประสบการณ์สอนเราว่ารอบสุดท้ายก็เป็นอีกวันที่เราต้องเล่นต่อเนื่องไปเพียงแต่ต้องรักษาระดับอย่างที่เล่นสองวันนี้ให้ได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่แน่บางทีอาจจะฉลองครบรอบ 10 ปีที่เคยชนะไทยพีจีเอก็ได้”

ตามหลังหนึ่งสโตรกเป็น วีรวิทย์ สกุลเจริญรัตน์ นักกอล์ฟวัย 25 ปีที่กำลังลุ้นแชมป์แรกในชีวิต โดยในรอบสองทั้งเก่งทั้งเฮงเก็บเพิ่มมาอีก 6 เบอร์ดี้แบบไม่เสียโบกี้ ก่อนขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสองวัน 10 อันเดอร์พาร์ 134 จะได้เล่นก๊วนสุดท้ายวันสุดท้ายในไทยแลนด์พีจีเอทัวร์เป็นครั้งแรกในชีวิต

วีรวิทย์ สกุลเจริญรัตน์ กล่าวว่า “วันนี้ดวงดีครับ ตีดีแต่มีดวงด้วย มีลากพัตต์ไกลๆลงไปสองหลุม มีหลุมหนึ่งตีไปชนต้นไม้แล้วตีมาออนไกลแถมพัตต์ลงอีกมันก็เลยทำให้เกมลื่น ไม่มีโบกี้มาสะดุด ช่วงนี้ผมตีเหล็กดี เสิร์ฟไม่อยู่ก็ยังตีเหล็กมาออนได้ ทำให้โบกี้ผมค่อนข้างน้อย สองวันเสียไปโบกี้เดียวเอง สำหรับการออกก๊วนสุดท้ายนี่ครั้งแรกเลยครับ ตื่นเต้นแต่ก็ดีใจ จะได้ลองดูครับเป็นประสบการณ์ จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ”

ทางด้าน อุดร ดวงเดชา ที่นำการแข่งขันหลังจบรอบแรก เข้ารอบสองเก็บเพิ่ม 2 อันเดอร์พาร์ 70 รวมสองวันอยู่อันดับสามที่สกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ 135 เท่ากับ สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย (69), นิติธร ทิพย์พงษ์ (69), ภาณุพล พิทยารัฐ (66) และ ฉ่างไท้ สุดโสม (65) ซึ่งเป็นคนเดียวในกลุ่มนี้ที่ยังไม่เคยชนะไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ ซึ่งนักกอล์ฟหนุ่มวัย 26 ปีจากชลบุรีที่เฉียดแชมป์ไปมาหลายครั้งกล่าวว่า “รอบสุดท้ายต้องพยายามทีช็อตให้อยู่แฟร์เวย์มากกว่าเดิม และพยายามตีช็อตแอพโพรชให้ดีให้ได้ขึ้นไปลุ้นพัตต์”

ขณะที่ ภูสิทธิ์ ทรัพย์อัประไมย (68) และ สดมภ์ แก้วกาญจนา (69) ไล่หลังเพียงแต้มเดียวทีสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 136 ส่วน ประหยัด มากแสง ตำนานกอล์ฟไทยวัย 54 ปีจากหัวหินที่รอบสองเก็บเพิ่มมาอีก 4 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสองวัน 7 อันเดอร์พาร์ 137 เท่ากับ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ (70) ตามหลังผู้นำ 4 สโตรก