“สื่อกีฬา วอน กองทุนฯ” เยียวยาวงการกีฬา หลังประสบภาวะโรคโควิด-19 ระบาด

Photo of author

สื่อกีฬาวอน “ท่านประวิตร” และ กกท.ให้ช่วยหาทางนำเงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ออกมาช่วยเยียวยา คนในวงการที่เดือดร้อนจากภาวะชะงักงัน เนื่องจากปัญหา “โควิด-19” ที่ได้รับผลกระทบกันทั่ว และอาจจะมีหลายส่วนของบุคลากรทางการกีฬา “ล่มจม” หลังผ่านวิกฤติ

ดร.อนุชิต กุลวานิช รองเลขาธิการสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทุกวงการต้องชะงักกับการทำกิจกรรมที่ได้วางแผนไว้ เพราะปัญหาภาวะโควิด-19 รวมทั้งวงการกีฬา โดยเฉพาะบุคลากรทางการกีฬา ในกลุ่มต่าง ๆ ที่ไม่สามารถดำเนินงานใด ๆ ได้นั้น คณะกรรมการของสมาคมฯ ได้มีการร่วมหารือกัน และได้สอบถาม ศึกษาเรื่องกฎระเบียบกองทุน ตามพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น จึงได้ลงความเห็นกันว่า กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ

ที่มีรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานนั้น ควรที่จะออกมาช่วยเยียวยา บุคลากรทางการกีฬาในกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขาดรายได้ของนักกีฬาทุกชนิดกีฬา ที่มีคิวแข่งขันแต่ไม่ได้ลงแข่งขัน ผู้จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิดกีฬาที่มีคิวจัดการแข่งขันแต่ไม่สามารถจัดการแข่งขันได้ หรือกลุ่มใด ๆ ที่เป็นบุคลากรทางการกีฬา ซึ่งได้รับผลกระทบก็ตาม และนอกเหนือจากเรื่องของการเยียวยาจากกองทุนฯแล้ว ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยก็ควรจะมองด้านต่าง ๆ ที่จะประคับประคองในทุกส่วนที่เป็นบุคลากรทางการกีฬาให้อยู่รอดหลังจากภาวะวิกฤตินี้ได้ผ่านไป

รองเลขาฯสมาคมสื่อกีฬา กล่าวต่อว่า จริงอยู่การเยียวยาของภาครัฐก็มีให้แล้ว แต่เป็นการช่วยประคับประคองในการดำรงอยู่ได้ของบุคคลเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ที่แท้จริง หรือ ในส่วนของผู้ที่เป็นผู้จัดการแข่งขันที่เตรียมการแล้วแต่ถูกยกเลิกกระทันหันไปมันคือการลงทุนไปก่อน แล้วเขาก็ไม่สามารถเดินต่อได้ จึงอยากที่จะให้ทางคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และทางการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ แม้แต่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยมองถึงปัญหาตรงนี้และช่วยมองถึงแนวทางการแก้ไข ช่วยเหลือ ซึ่งคงไม่ใช่การช่วยเหลือทั้งหมดแต่เป็นการช่วยบ้างเพื่อให้เขาไปไหวไม่ล่มจมก่อนพ้นวิกฤติ เพราะหากวงการกีฬาตั้งตัวได้เร็ว บุคลากรทางการกีฬาทุกส่วนสามารถประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ตามแผนได้วางไว้ ผลที่เกิดขึ้นจะเร็วตามมาก็คือเรื่องของรายได้เข้าประเทศหรือแม้แต่ความสุขของประชาชนก็จะกลับมาเร็วด้วย ดร.อนุชิตกล่าว