นักวิ่งทั่วโลก 12,000 คน ตบเท้าประชันความเร็ว “บางแสน 21 ฮาล์ฟมาราธอน 2019” หวังยกระดับเป็น “IAAF Gold Label Road Race” ปี 2020 งานแรกของไทยและอาเซียน โชว์สุดยอดนวัตกรรม “Technology FaceX” แก้ปัญหานักวิ่งเปลี่ยนตัว ด้าน “นายกตุ้ย” ประกาศพร้อมแล้วรับคลื่นนักวิ่ง มั่นใจดูแลเต็ม100%
นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมซ์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และในฐานะผู้อำนวยการจัดการแข่งขัน (Race Director) เปิดเผยว่า งาน“บางแสน21ฮาล์ฟมาราธอน 2019”ในปีนี้ จัดขึ้นวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ภายใต้การขอรับรองมาตรฐาน IAAF Gold Label Road Race เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการวิ่งไทย ซึ่งจากที่เราได้รับการรับรองมาตรฐาน IAAF Silver Label ในปีนี้นั้น ทำให้สนามบางแสน21 เป็นที่จับตามองของนักวิ่งระดับโลกที่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน
โดยจากการที่ได้เปิดรับสมัครก่อนหน้านี้ได้มีนักวิ่งตอบรับเข้าร่วมทั้งหมด 40,000 คน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่สามารถตอบรับให้เข้าร่วมวิ่งได้เพียง 12,000 คน เท่านั้น นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากนักวิ่งอีลิทระดับโกลด์ ที่มีฝีเท้าระดับโลกมาร่วมวิ่ง อาทิ ซิเซ่ เลมม่า คาเซเย่ และมาร์ธา เลม่า นักวิ่งจากประเทศเอธิโอเปีย และนักวิ่งแนวหน้าของไทย เข้าร่วมวิ่งในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเชื่อว่าการแข่งขันในครั้งนี้จะสามารถสร้างสถิติใหม่ให้สนามอย่างแน่นอน และยังเป็นการสร้างมาตรฐานระดับโลกเพื่อทำให้งานบางแสน21และประเทศไทย ปรากฏอยู่ในแผนที่ของงานวิ่งระดับโลกและเป็นที่รู้จักของนักวิ่งทั่วโลกในอนาคต
นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์ของงานวิ่ง คือการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆที่มีความโดดเด่นในการช่วยป้องกันในเรื่องของการเปลี่ยนตัวนักวิ่ง โดยการนำนวัตกรรม Big Data/AI เข้ามาใช้ในการบริหารการจัดงาน ซึ่งพัฒนาโดยโปรแกรมเมอร์คนไทย ได้แก่ บริษัทไทยดอทรัน ที่ได้สร้าง Technology FaceX แบ่งเป็น Face ID ระบบจดจำใบหน้า เพื่อช่วยในการตรวจสอบยืนยันตัวบุคคลของนักวิ่งด้วยการมารับเสื้อและเบอร์วิ่งด้วยตนเองเท่านั้น
รวมทั้งสามารถบันทึกและยืนยันข้อมูลสำคัญทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัยในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน และป้องกันการเปลี่ยนตัวนักวิ่งตามกฎของ IAAF รวมถึงระบบ Face Search ที่จะมาช่วยในการตัดสินนักวิ่งที่ได้รับรางวัล และการค้นหารูปถ่าย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งสามารถหารูปของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม (นายกตุ้ย) นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข กล่าวว่า เทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการเตรียมความพร้อมในทุกส่วน ทั้งพื้นที่ และการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคประชาชน รวมถึงการปิดการจราจรในช่วงการแข่งขัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักวิ่งตลอดระยะทาง โดยจะทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จในฐานะงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนระดับ Gold Label ให้ได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และเป็นใบเบิกทางที่ดีให้กับประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การเป็นเมือง Sport Tourism ให้นักวิ่งทั่วโลกรู้จักและอยากมาวิ่งที่เมืองไทยโดยเฉพาะที่บางแสน ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกแนวทางสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมให้กับประเทศได้เป็นอย่างดี
ดร.นพ.เกษม ใช้คล่องกิจ ศัลยแพทย์ด้านกระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา ในฐานะผู้อำนวยการด้านการแพทย์ งานฮาล์ฟมาราธอนบางแสน21 กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ตามมาตรฐาน IAAF Gold Label Road Race ซึ่งแบ่งเป็นการดูแลในเรื่องอุบัติเหตุของนักวิ่งในกรณีเกิดการบาดเจ็บระหว่างการวิ่ง รวมถึงภาวะการเจ็บป่วยของนักวิ่ง ทั้งก่อนการวิ่ง ระหว่างการวิ่ง และหลังการวิ่ง
รวมถึงได้เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยดูแลนักวิ่ง เช่น การใช้โดรนและ GPS ในการติดตามดูนักวิ่งกลุ่มเสี่ยง การใช้เทอร์โมสแกน เพื่อตรวจอุณหภูมินักวิ่งตอนเข้าเส้นชัย ซึ่งจะช่วยให้หน่วยแพทย์ทราบถึงภาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับความร้อนภายในร่างกายหรือฮีทสโตรคและทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังเตรียมเครื่อง AED ไว้ช่วยเหลือนักวิ่งกรณีเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวในระหว่างการวิ่งก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ทางทีมแพทย์และทีมอาสาสมัครทุกฝ่าย มีความพร้อมที่จะดูแลนักวิ่งปีนี้อย่างเต็มที่