“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ยืนยันกรณี “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหารฯ ลาออกทั้งคณะ ก็เพื่อแสดงสปิริต ความรับผิดชอบ
โดย “เสธ.ยอด” ได้เผยว่า แม้เรื่องสารต้องห้าม ที่นักข่าวเยอรมนีนำเสนอ ไปก่อนหน้านี้ จะไม่เป็นจริงก็ตาม มีการตัดต่อออกอากาศ แต่ที่ตัดสินใจไป ก็เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับนานาชาติของไทย เดินหน้าต่อไปได้ ส่วนการทำงานด้านต่าง ๆ ของสมาคมฯ ก็ยังคงเหมือนเดิม โดยเฉพาะการเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่าง ๆ ขณะที่การเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารสมาคมใหม่ จะมีขึ้นวันที่ 8 มี.ค.นี้
ตามที่ “มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พร้อมกรรมการบริหารฯ ออกแถลงการณ์ ลาออก แสดงความรับผิดชอบ หลัง สถานีโทรทัศน์ ARD ของ เยอรมนี แอบบันทึกวีดีโอสัมภาษณ์ ศิริภุช กุลน้อย อดีตจอมพลังทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ก่อนตัดต่อเเละเผยเเพร่คลิป ที่มีการระบุนักกีฬาไทยใช้สารกระตุ้นตั้งเเต่เด็ก ไปออกในที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) โดยเผยว่า เรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง มีการสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาด จนเกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง ที่ผ่านมายึดมั่น ดำเนินกิจกรรมทางการกีฬาด้วยหลักธรรมาภิบาล และประมวลจริยธรรมเป็นที่ตั้ง แต่เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่ความจริง ส่งผลกระทบต่อกีฬาของชาติ และภาพลักษณ์ของประเทศไทย ทีมบริหารสมาคมฯ จึงมีมติลาออกทั้งคณะ นั้น
ล่าสุด “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย กล่าวที่สำนักงานสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ กกท. หัวหมาก เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า กรณี “มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมฯ และคณะกรรมการบริหารฯ ลาออกทั้งคณะ ไปเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็เพื่อแสดงสปิริต ความรับผิดชอบ แม้เรื่องสารต้องห้าม ที่นักข่าวเยอรมนีนำเสนอ ไปก่อนหน้านี้ จะไม่เป็นจริงก็ตาม มีการตัดต่อออกอากาศ แต่ที่ตัดสินใจไป ก็เพื่อให้การเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับนานาชาติของไทย เดินหน้าต่อไปได้
พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวต่อว่า สถานีโทรทัศน์ของเยอรมนี นำเสนอเนื้อหาพุ่งเป้าไปที่การบริหารงานที่มีปัญหาของ ทามาส อาจัน ประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ ซึ่งในเนื้อหาดังกล่าว มีอยู่ช่วงหนึ่ง 2 นาที ที่มีการแอบถ่าย ศิริภุช ซึ่งทำงานอยู่ที่ฟิตเนสแห่งหนึ่งในพัทยา โดยนักข่าวคนนั้น ปลอมตัวมาเป็นผู้จัดการทีมยกน้ำหนัก ในช่วงที่ไทย เป็นเจ้าภาพชิงแชมป์โลก เมื่อเดือนพ.ย. ที่พัทยา ว่าจะนำนักกีฬามาฝึกซ้อม อยากให้ ศิริภุช ช่วยวางโปรแกรมฝึกซ้อมให้ ซึ่ง ศิริภุช ก็เข้าใจว่าเป็นผู้จัดการทีมจริง ก็มีการพูดคุยกันไปในหลาย ๆ เรื่อง มีการถูกถามว่ามีการใช้สารกระตุ้นตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่ง ศิริภุช ก็บอกว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว มีการบอกว่า ศิริภุช ก็ใช้ ซึ่งก็ไม่เป็นความจริง มีการตัดต่อ แล้วนำไปถูกเผยแพร่ในที่ประชุมไอโอซี เมื่อวันที่ 8 ม.ค.
“เรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นสารต้องห้าม สมาคมฯ ก็ได้ทำหนังสือไปยัง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระ ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ไอโอซี ก็มองว่าเป็นจริง และมีผลต่อการแข่งขัน ไทยก็กำลังเตรียมเป็นเจ้าภาพระดับนานาชาติ อยู่ด้วย ประกอบกับแล็ป ที่มหิดล ก็ถูกปิดไปแล้ว ดังนั้น เพื่อความโปร่งใส ในการสืบหาความจริง ผู้บริหารจึงต้องรับผิดชอบ เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม ที่สำคัญวงการกีฬาไทยต้องมีเกียรติยศ โดยสมาคมฯ กำหนดจะเลือกตั้งใหม่ วันที่ 8 มี.ค.นี้ ซึ่งก็แล้วแต่สโมสรสมาชิก ว่าจะเลือกใครให้มาทำหน้าที่ต่อไป” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว
นายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำงานด้านต่าง ๆ ของสมาคมฯ ก็ยังคงเหมือนเดิม โดยเฉพาะการเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันรายการต่าง ๆ ฝากพี่น้องชาวไทย ว่ากีฬายกน้ำหนัก ยังอยู่คู่คนไทยต่อไป ช่วงนี้อาจเกิดปัญหา แต่วันหน้าจะกลับมาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมฯ ยังกล่าวในตอนท้ายด้วยว่า ในส่วนของศิริภุช ได้รับการสนับสนุนจาก ทางฟิคเนสต้นสังกัด กำลังยื่นฟ้องคดีอาญาและแพ่ง ผ่านทางสถานทูตเยอรมนี ต่อไป