“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ระบุว่า จากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกคนในวงการกีฬาต้องปรับตัว ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนทางการกีฬาให้สามารถกลับมาจัดแข่งขันได้
วิกฤติโควิด-19 กระทบต่อการกระแสความนิยมทางการกีฬาที่ลดลงไปด้วย ทาง กกท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงปรับแผนการประชาสัมพันธ์และการแข่งขันไปในช่องทางสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดียมากขึ้น รวมทั้งผนึกกำลังกรมประชาสัมพันธ์, โมเดิร์นไนน์ทีวี และสถานีโทรทัศน์เอกชน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาสนใจกีฬาเช่นเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กันธรรมชาติของแต่ละชนิดกีฬาด้วยว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่าง อีสปอร์ตเป็นกีฬาที่แข่งขันทางออนไลน์อยู่แล้ว สามารถทำได้ง่ายกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ
ส่วน แนวทางฟื้นฟู “อุตสาหกรรมกีฬา” ว่า ตอนนี้ได้พยายามศึกษาและประเมินสถานการณ์ในทุกด้านอย่างละเอียด ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวและนันทนาการ (สปอร์ต ทัวร์ริสซึ่ม) และการพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬา จะเชื่อมโยงกับการจัดแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ “โมโต จีพี” ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 ที่ประเทศไทยได้สิทธิ์ในการจัดแข่งขัน ต้องประกาศเลื่อนออกไป ทำให้เกิดผลกระทบทั้งต่อการพัฒนาการกีฬา, การสนับสนุนวงการกีฬา, ระบบเศรษฐกิจในหลายด้าน
รวมถึงการมีส่วนร่วมของชาวไทยและคนในท้องถิ่น ทาง กกท. จึงเตรียมหารือกับผู้สนับสนุนเพื่อร่วมกันหาแนวทางปฏิบัติที่จะดำเนินการต่อไป เบื้องต้นจะต้องพยายามเดินหน้าจัดการแข่งขันให้ได้ อาจจะมีการลดขนาดรูปแบบการแข่งขันลง แต่สิ่งสำคัญต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทย และ ต่างประเทศด้วย
ท้ายสุด”ดร.ก้องศักด ยอดมณี” ยอมรับว่านับเป็นความท้าทายการทำงานของ กกท. ท่ามกลางอุปสรรค จำเป็นต้องอาศัยความทุ่มเทแรงกายแรงใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กกท. พร้อมดำเนินการช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน และจับมือกันฟื้นฟูวงการกีฬาไทย “เอาชนะ” วิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้.