“กกท.” วางแผนประเมินศักยภาพให้กับนักกีฬาไทย เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน 4 ทัวร์นาเมนต์กีฬาใหญ่ในปีนี้ รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส และ โอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่ลอสแองเจลิส
นายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการ ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานวิเคราะห์และประเมินผลศักยภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ในการเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ รวมทั้งนักวิชาการจาก ม.เกษตรศาสตร์, ม.มหิดล เข้าร่วมประชุม
นายประชุม กล่าวว่า ตามที่ ฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ กกท. ได้รับอนุมัติจัดจ้าง ม.เกษตรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาเพื่อวิเคราะห์การพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม วิเคราะห์และประเมินการเตรียมนักกีฬาสำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาใน 4 มหกรรมกีฬา ประกอบด้วย ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม วันที่ 12-23 พ.ค., เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน วันที่ 10-25 ก.ย., อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่เมืองโซโล ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 23-30 ก.ค. และเอเชี่ยนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน วันที่ 9-15 ต.ค.นี้
สำหรับผลที่คาดว่าจะได้รับก็คือ กกท. จะได้เห็นภาพรวมของข้อมูลการเตรียมนักกีฬาสำหรับการแข่งขันทั้ง 4 มหกรรม รวมทั้งยังสามารถกำหนดแนวทางในการสนับสนุนนักกีฬาในแต่ระยะเวลาของการฝึกซ้อมและปรับปรุงการเตรียมนักกีฬา สำหรับการแข่งขันทั้ง 4 มหกรรมกีฬา เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดความคุ้มค่าและสามารถนำเหรียญรางวัลมายังประเทศได้ตามที่คาดการณ์ไว้
รองผู้ว่าการ กกท. กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประเมินความพร้อมของนักกีฬาทีมชาติ เพื่อเข้าแข่งขันมหกรรมกีฬานานาชาติรายการต่างๆ นั้น ซีเกมส์ ประเมิน 1 ครั้ง, เอเชี่ยนเกมส์ ประเมิน 4 ครั้ง (สำหรับสมาคมกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ให้ใช้ผลการประเมินซีเกมส์ 2 ครั้ง ประกอบ), อาเซียนพาราเกมส์ 2 ครั้ง และ เอเชี่ยนพาราเกมส์ 1 ครั้ง โดยการประเมิน ประกอบไปด้วย 4 มิติ แบ่งออกเป็น ศักยภาพนักกีฬา, วิทยาศาสตร์การกีฬา, เวชศาสตร์การกีฬา และความรู้ด้านสารต้องห้ามทางการกีฬา
รวมทั้งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา