การรายงานตัวครั้งนี้นำโดย ยุทธยา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย U23 พร้อมด้วยคณะที่ปรึกษา, อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอน และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช โดยทัพช้างศึก U23 ได้เรียกตัว ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช มาเสริมแทนที่ของ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ที่ถูกเรียกไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ ขณะเดียวกันในการรายงานตัวครั้งนี้มีนักเตะทั้งหมด 26 คน โดยอีก 4 ราย ทั้งชยพิพัฒน์, พันธมิตร ประพันธ์, พงศกร ตรีสาตร์ และ กฤษดา นนทรัตน์ จะตามมาสมทบภายหลัง
โดยภายในงานรายงานตัว ยุทธยา หยิมการุณ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย U23 กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับน้องๆ ทุกคนที่มีชื่อในแคมป์แรกของทีมชาติไทย U23 ชุดนี้นะครับ สิ่งสำคัญที่ตัวผม อยากฝากก็คือ อยากให้น้องๆทุกคนทำเต็มที่ เพราะตอนนี้คือโอกาสของเราที่ได้มาอยู่ในทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นความภูมิใจของแฟนบอลชาวไทยทุกคน”
“ซึ่งแน่นอนว่า ในปีหน้ามีทัวร์นาเมนต์สำคัญมากมายที่รอเราอยู่ ทั้งซีเกมส์, เอเชียน เกมส์ และ ชิงแชมป์เอเชียรอบคัดเลือก เป้าหมายของเราคือการได้ไป ร่วมการแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิก ที่ ปารีส ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย ดัังนั้นเส้นทางระหว่างทางเราต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เพราะมันคือโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จ”
“สิ่งสำคัญที่อยากฝากน้องๆทุกคนก็คือ อยากให้ทุกคนตั้งใจ และมุ่งมั่นกับโอกาสในครั้งนี้ ปฏิบัติตัวตามกฏของสตาฟฟ์โค้ช และพยายามทำให้ดีที่สุดทั้งในและนอกสนาม ส่วนตัวผมก็จะพยายามสนับสนุนทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการลงแข่งขันในแต่ละรายการ”
“การมาติดทีมชาติไทย นอกจากเราจะมีเป้าหมายในทีมชุดนี้แล้ว นี่ยังเป็นบันไดสำคัญสำหรับทุกคนในการก้าวไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ และขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จในเส้นทางการเป็นนักฟุตบอล ครับ”
ด้าน อิสสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอนกล่าวว่า “สำหรับ แคมป์แรกก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากที่เราจะได้ทำความรู้จักกับเด็กๆ ในทีมชุดนี้ อีกครั้ง และถือเป็นการนับหนึ่งเพื่อไปสู่ก้าวต่อไปสำหรับทีมชาติไทย U23 ของเรา”
“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญสำหรับทีมชุดนี้ คือเรื่องของความเข้าใจ และความมีระเบียบวินัย ทั้งในและนอกสนามของนักเตะทุกคน ซึ่งช่วงเวลา 10 วันที่ได้เก็บตัวร่วมกัน รวมถึง การมีแมตช์อุ่นเครื่องสองนัดเราจะพยายามมองหาข้อดี ข้อเสียของนักเตะทุกคนที่มาให้ได้มากที่สุด เพื่อวิเคราะห์แล้วหานักเตะที่ดีที่สุด สำหรับการทำการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติต่างๆ ที่จะเข้ามาในปีหน้า”
“ในรุ่นอายุนี้ ยังมีนักเตะอีกมากมาย ที่ยังไมได้โอกาส และแต่ละคนก็ต่างมีคุณภาพ ซึ่งเราก็จะพยายามทำให้เกิดการแข่งขันภายในทีมให้ได้มากที่สุด คนที่มีโอกาสมาแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนคนที่ยังไม่มีโอกาส ก็ขอให้ทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป และแน่นอนว่าเราพร้อมเปืดโอกาสให้ทุกคน”
“สำหรับเป้าหมายในแคมป์นี้ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และก็ทำให้นักเตะทุกคนเข้าใจที่สุด เพื่อที่จะยกระดับตัวเอง ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ที่แคมป์ทีมชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเมื่อตัวเขากลับไปที่สโมสร สุดท้ายก็ฝากแฟนบอลทีมชาติไทย เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะครับ”
สำหรับทีมชาติไทย U23 จะฝึกซ้อมทุกวันในช่วงเย็นที่สนามซ้อมของสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
ทีมชาติไทย U23 จะมีโปรแกรมอุ่นเครื่องสองนัด พบกับ ทีมชาติ สปป.ลาว ชุดใหญ่ ที่ ธรรมศาสตร์ สเตเดียม ในวันที่ 11 และ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 17.30 น. โดยจะถ่ายทอดสด เกมที่สอง ทาง AIS Play