เพราะนานาชาติเขาไม่ทำกัน ทั้งการจำกัดอายุนักกีฬา ที่เน้นเยาวชนเป็นหลัก นักกีฬาหญิง ก็ไม่จัดแข่งขัน เพราะเจ้าภาพอ้างว่าไม่มีนักกีฬา ขณะที่ อุปกรณ์แข่งขัน บางรายการก็เลิกแข่งไปแล้วหลายปี ทำให้หาซื้อยากเต็มที ด้าน “พัฒนา บุญสวัสดิ์” พ่อบ้านโต้คลื่นไทย ครวญ ศึกซีเกมส์ 2023 จะแข่งอยู่แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับงบประมาณจาก กกท. แต่อย่างใด
///////////////////
ความเคลื่อนไหวศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.66 ซึ่งเจ้าภาพกำหนดจัดแข่งขัน 36 ชนิดกีฬา ชิงชัย 581 เหรียญทอง ซึ่งถือเป็นจำนวนเหรียญทองที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ซีเกมส์ อย่างไรก็ตาม เจ้าภาพ มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ในหลายๆ ชนิดกีฬา ที่ไม่มีความเป็นสากล เพราะเพื่อมุ่งหวังครองเจ้าเหรียญทองอย่างเดียว โดยไม่สนเสียงคัดค้านจากชาติสมาชิกนั้น
ล่าสุด นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬาวินด์เซิร์ฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ซีเกมส์ครั้งนี้ วินด์เซิร์ฟ จะแข่งขันที่สีหนุวิลล์ รวม 4 เหรียญทอง ซึ่งไทยส่งครบทุกรุ่น ประกอบด้วย ประเภทไอคิวฟอยด์ รุ่นโอเพ่นชาย กับ รุ่นเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปี, ประเภทอาร์เอสวันชาย รุ่นอายุต่ำกว่า 16-17 ปี และประเภทอาร์เอสเอ็กซ์ชาย รุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี ส่วนประเภทหญิง ไม่มีจัดแข่งขันเพราะเจ้าภาพอ้างว่าไม่มีนักกีฬา โดยจะแข่งขันวันที่ 2-7 พ.ค. เริ่มก่อนพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ คือ วันที่ 5 พ.ค. ซึ่งจริงๆ แล้ว ทุกครั้งจะต้องแข่งขันหลังจากมีพิธีเปิดการแข่งขันไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะไม่มีใครเขาทำกัน
“เสี่ยใหญ่” กล่าวต่อว่า วินด์เซิร์ฟทั้ง 4 อีเว้นต์นั้น เจ้าภาพก็เล่นแร่แปราธาต เอาเปรียบทุกทาง เพราะว่าแต่ละอีเว้นต์ไม่มีความเป็นสากลเลย ในระดับรายการนานาชาติ บางรายการไม่จัดแข่งขันแล้ว ทำให้ทุกชาติมีปัญหาเรื่องการหาซื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อม ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยเรือที่ใช้แข่งขันบางประเภทก็เลิกใช้ไปกว่า 4 ปีแล้ว สมาคมฯ เอง จึงต้องไปหาของเก่าๆ มาซ่อมแซมปรับปรุงมาใช้ฝึกซ้อมไปก่อน คุณภาพมันก็ไม่ได้ หรือถ้าหาได้ก็มีน้อยมากและหายากมากด้วย ขณะที่ นักกีฬาเยาวชนไทย ที่จะส่งไปแข่งก็ไม่มีประสบการณ์ ระยะเวลาแค่ 2 เดือนนั้นคงไม่ทัน
“ความหวังเหรียญทองก็คงจะน้อยลงตามไปด้วย ที่ได้ลุ้นก็น่าจะเป็นประเภทไอคิวฟอยด์ รุ่นโอเพ่นชาย ที่มี เอก บุญสวัสดิ์ เป็นตัวชูโรง ส่วนรุ่นอื่นๆ คงสู้เจ้าภาพที่เตรียมตัวมา 4-5 ปี ได้ยาก แต่ไทยก็ต้องส่งนักกีฬาเข้าร่วมเพราะเป็นสปิริต เราคงต้องเคี่ยวนักกีฬาหน้าใหม่อย่างหนัก โดยมี “โค้ชอ้วน” อรัญ หอมระรื่น เป็นผู้ควบคุมทั้งหมด แล้วให้ เอก บุญสวัสดิ์, “โอ๊ต” ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ และ “ยิม” นาวิน สิงสาท แยกกันฝึกสอนประกบแบบตัวต่อตัวในแต่ละรุ่น แต่ด้วยระเวลาที่สั้นมากนั้นยอมรับว่าสู้ยากแต่เราก็จะทำให้ดีที่สุด” นายพัฒนา กล่าวทิ้งท้าย
พร้อมกันนี้ พ่อบ้านกีฬาโต้คลื่นไทย ยังฝากไปถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เกี่ยวกับงบประมาณจัดซื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อม ที่ยังเบิกไม่ได้เลย ทั้งที่เหลือเวลาไม่กี่เดือนก็จะแข่งขันแล้ว เช่นเดียวกับงบที่ส่งนักกีฬาไปแข่งขันชิงแชมป์โลก 2022 ที่ฝรั่งเศส และ “ฮ่องกง โอเพ่น 2022” เมื่อปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังเบิกไม่ได้ ทาง กกท. บอกเพียงว่ายังไม่ถึงคิว ให้รอไปก่อน ตนจึงอยากจะวิงวอนให้เห็นใจสมาคมฯ ในส่วนนี้ด้วย.