จัสมิน สุวัณณะปุระ ฟอร์มร้อนแรงทำ 10 อันเดอร์พาร์ 61 โดยไม่เสียโบกี้เลยในวันสุดท้าย รายการวอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ พรีเซ็นเต็ด บาย พี แอนด์ จี ในรัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2567 สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 196 เท่ากับ ลูซี ลี โปรสาวชาวอเมริกันซึ่งทำ 11 อันเดอร์พาร์ 60 ก่อนที่จัสมิน จะไปชนะในการเล่นเพลย์ออฟหลุมที่สองคว้าแชมป์ไปครองนับเป็นแชมป์อาชีพที่สามในแอลพีจีเอ ทัวร์ รับเงินรางวัลกว่า 14.5 ล้านบาท และเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ห้าที่คว้าแชมป์ในทัวร์ปีนี้
การแข่งขันกอล์ฟแอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ วอลมาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปียนชิพ พรีเซ็นเต็ด บาย พี แอนด์ จี ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 99 ล้านบาท ที่สนามพินเนเคิล กอล์ฟ คลับ ชานเมืองรอดเจอร์ส รัฐอาร์คันซอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน 2567 มีนักกอล์ฟไทยร่วมแข่งขัน 7 แต่ผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในวันสุดท้ายสี่ คือคน อาฒยา ฐิติกุล, ปาจรีย์ อนันต์ฤการ, อาภิชญา ยุบล และจัสมิน สุวัณณะปุระ
วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 29 กันยายน จัสมิน สุวัณณะปุระ ซึ่งสัปดาห์นี้ได้ ไมเคิล โธมัส สามีมารับหน้าที่เป็นแค๊ดดี้แบกพุงให้เธอ ทำเบอร์ดี้หลุม 1,2,6,10,11,13,14 และ 16 ก่อนจะทำอีเกิ้ลปิดท้ายหลุม 18 โดยไม่เสียโบกี้เลยสกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ 61 นับเป็นสกอร์ต่ำที่สุดต่อรอบ ในการเล่นอาชีพของเธอ สกอร์รวม 17 อันเดอร์พาร์ 196 เท่ากับ ลูซี ลี จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งร้อนแรงทำ 11 อันเดอร์พาร์ 60 จาก 3 อีเกิ้ล 7 เบอร์ดี้ เสีย 2 โบกี้ นับเป็นสกอร์ต่ำที่สุดของรายการนี้จัสมิน ทำ 28 ใน 9 หลุมหลังกลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่ทำ 28 ในฤดูกาลนี้ต่อจากแอนเดรีย รี จากสหรัฐที่ทำในรายการซีพีเคซี วีเมนส์ โอเพ่น
การเล่นเพลย์ออฟหลุมแรกใช้หลุม 18 พาร์ 5 โดยที่ทั้งสองต่างทำเบอร์ดี้ต้องไปเล่นต่อหลุมที่สองใช้หลุมเดิมซึ่งครั้งนี้ จัสมิน โปรสาวจากประเทศไทย ทำอีเกิ้ลชนะไปคว้าแชมป์ไปครองเป็นแชมป์ครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2019
จัสมิน คว้าแชมป์พร้อมกับเงินรางวัล 450,000 ดอลลาร์หรือราว 14.5 ล้านบาท นับเป็นแชมป์ที่สามในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ ต่อจากรายการมาราธอน คลาสสิก (เดนา โอเพ่น ในปัจจุบัน) เมื่อปี 2018 และรายการทีมสองคน ดาว เกรท เลค เบย์ อินวิเท ชันแนล (ปัจจุบันดาว แชมเปียนชิพ) คู่กับซีดนีย์ แคลนทัน จากสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2019
ผลงานการเล่นแอลพีจีเอ ทัวร์ปีนี้ของ จัสมิน เล่น 24 รายการผ่านตัดตัว 11 รายการสถิติดีที่สุดก่อนหน้าจะคว้าแชมป์จบอันดับ 5 ร่วม รายการเฟอร์ฮิลล์ส เซรี พัก แชมเปียนชิพ ทำเงินรางวัลรวมฤดูกาลนี้ 687,702 ดอลลาร์ หรือราว 22.2 ล้านบาทเงินรางวัลรวมอาชีพ 4,054,098 ดอลลาร์
จัสมิน วัย 31 ปี เป็นนักกอล์ฟไทยคนที่ห้าที่คว้าแชมป์แอลพีจีเอ ทัวร์ปีนี้ต่อจาก ปภังกร ธวัชธนกิจ (ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์) อาฒยา ฐิติกุล (ทีมดาว แขมเปียนชิพ) ชเนตตี วรรณแสน (เดนา โอเพ่น) และ โมรียา จุฑานุุกาล (พอร์ทแลนด์ คลาสสิก) และเป็นคนไทยที่สี่ที่คว้าแชมป์อย่างน้อย 3 รายการในการเล่นอาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ ร่วมกับ อาฒยา ฐิติกุล (3) โมรียา จุฑานุกาล (3) และเอรียา จุฑานุกาล (12)
โปรสาวจากจังหวัดชลบุรี เผยหลังการคว้าแชมป์ว่า “การเล่นเพลย์ออฟกับ ลูซี ลี ไม่ง่ายเลย และพอใจกับการเล่น และเล่นตามเกมตัวเองแล้ววันนี้ก็สามารถทำได้ และมีความสุขมาก อีกอย่างแชมป์นี้มันนานมากเลยเคยคิดว่าอาจไม่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง แต่วันนี้ทุกอย่างก็มาถูกที่ถูกเวลาและที่สำคัญคือสามีที่มาเป็นแค๊ดดี้ให้ด้วย”
คิม เซ-ยอง นักกอล์ฟจากเกาหลีใต้ดีกรีแชมป์เมเจอร์ทำ 8 อันเดอร์พาร์ 63 รวม 197 จบอันดับ 3 รับเงินรางวัล 199,545 ดอลลาร์
ผลงานนักกอล์ฟสาวไทยคนอื่น ๆ ที่ผ่านตัดตัวเข้าไปเล่นในวันสุดท้าย “เปียโน” อาภิชญา ยุบล ทำ 5 อันเดอร์พาร์ 66 รวม 14 อันเดอร์พาร์ 199 จบอันดับ 4 ร่วมรับเงินรางวัล 139,305 ดอลลาร์หรือราว 4,508,675 บาท “จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล อดีตมือ 1 ของโลกเจ้าของแชมป์อาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ 3 รายการแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2022 ทำ 4 อันเดอร์พาร์ 201 จบอันดับ 7 ร่วม รับเงินรางวัล 68,824 ดอลลาร์หรือราว 2,227,523 บาทและ”เมียว” ปาจรีย์ อนันต์นฤการ แชมป์อาชีพแอลพีจีเอ ทัวร์ 2 รายการทำ 1 อันเดอร์พาร์ 70 รวม รับเงินรางวัล 35,441ดอลลาร์หรือราว 1,147,065 บาท10 อันเดอร์พาร์ 203 จบอันดับ 17 ร่วม หลังจากจบรายการนี้ แอลพีจีเอ ทัวร์ จะข้ามมาเอเชีย “เอเชียนสวิง” 4 รายการ ในเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน เริ่มจากจีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย และญี่ปุ่น ก่อนจะกลับสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง แข่งขันสามรายการสุดท้ายของฤดูกาล
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.lpga.com เครดิตภาพ: LPGA/Getty Images