สนามเฆเรซกลายเป็นเวทีแห่งความทรงจำสำหรับ อเล็กซ์ มาเกซ ดาวบิดชาวสเปนจากทีม BK8 Gresini Racing MotoGP หลังคว้าแชมป์เมนเรซได้อย่างยิ่งใหญ่เมื่อคืนที่ผ่านมา ถือเป็นชัยชนะครั้งแรกในพรีเมียร์คลาสของเขา และยังพาเจ้าตัวกลับขึ้นไปนำจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสม ทิ้งห่างพี่ชาย มาร์ค มาเกซ เพียง 1 คะแนน
เกมนี้เริ่มต้นด้วยความคาดหวังจากแฟนๆ ว่า มาร์ค มาเกซ เต็งหนึ่งของสนาม จะโชว์ฟอร์มเหนือชั้น แต่โชคร้ายที่เขาพลาดล้มในโค้ง 8 เปิดโอกาสให้อเล็กซ์ฉวยจังหวะทองนี้พลิกสถานการณ์ กดชัยชนะแรกของตัวเองในรุ่นใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะอยู่ในทีมที่ไม่ใช่ทีมโรงงานและใช้รถแข่งสเป็กเก่า แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า “ความเชื่อมั่นและการทำงานหนัก” สามารถชนะได้ทุกสิ่ง
หลังการแข่งขัน อเล็กซ์ เปิดใจกับ DAZN ถึงความรู้สึกสุดประทับใจว่า
“มีความสุขมากจริงๆ ครับ เราพยายามและทุ่มเทอย่างเต็มที่ และในที่สุดมันก็ได้รับผลตอบแทน การได้แชมป์ครั้งแรก แถมยังเป็นที่เฆเรซอีก มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายได้ ผมอาจจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกตอนนี้ มากกว่ากูเล่แฟนบาร์ซ่าที่เพิ่งชนะเรอัล มาดริดซะอีกนะ (หัวเราะ)”
เขาเล่าต่อด้วยว่า ก่อนแข่งรู้สึกเหมือนมีจิตสัมผัสว่าชัยชนะจะเกิดขึ้นที่นี่ แม้จะไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนั้น และเมื่อเห็นมาร์คพลาดล้มไปในโค้ง 8 เขาก็ตั้งสติทันที ว่านี่แหละเป็นโอกาสที่ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ
“ตอนที่เห็นมาร์คล้ม ผมคิดเลยว่าวันนี้อาจจะเป็นวันของเรา เราพยายามหนีเหมือนที่ออสติน และเน้นขี่ให้สะอาดที่สุด ผมคิดว่าผมและทีมทำงานได้สมบูรณ์แบบแล้ว โชคดีที่เป้กโก้ไม่สามารถผ่านฟาบิโอได้ แต่ถึงจะผ่านได้ ผมก็เชื่อว่าผมคงรักษาช่องว่างได้อยู่ดี”
มองไปข้างหน้า อเล็กซ์กล่าวถึงการทดสอบหลังการแข่งขันในวันจันทร์นี้ว่า ทีมใหญ่อย่างมาร์คและเป้กโก้จะมีชิ้นส่วนใหม่ๆ มาทดลองแน่นอน แต่สำหรับเขาและทีม BK8 Gresini Racing MotoGP พวกเขาจะยังคงทำงานอย่างมีเป้าหมาย
“เราไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก แต่เรารู้ว่าจุดแข็งและจุดอ่อนของเราคืออะไร เราจะทำงานกับสิ่งที่เรามี และพยายามใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด… อย่างที่ผมบอก หากชีวิตให้โอกาสอะไรกับเรา อย่างที่เกิดที่ออสติน ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครห้ามไม่ให้เราฝันได้ ผมจะลงแข่งแบบสนามต่อสนาม พยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้ผิดพลาด แล้วค่อยดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป”
ชัยชนะที่เฆเรซครั้งนี้ไม่เพียงเติมเต็มความฝันของอเล็กซ์ มาเกซ แต่ยังยืนยันให้เห็นว่า ในโลกของโมโตจีพี อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ หากมีหัวใจที่ไม่ยอมแพ้