ธนภัทร พิชัยกุล สร้างประวัติศาสตร์คนแรกในทัวร์ที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันหลังแซงคว้าแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 750,000 บาท ในรายการ “สิงห์ ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส ครั้งที่ 26” ณ สนามสันติบุรี คันทรี คลับ พาร์ 72 จังหวัดเชียงราย
การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสะสมคะแนนอันดับโลก ออล ไทยแลนด์ กอล์ฟ ทัวร์ จากการสนับสนุนโดย สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงพันธมิตรผู้ร่วมสนับสนุนจัดแข่งขันรายการ “สิงห์ ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส ครั้งที่ 26” ชิงเงินรางวัลรวม 5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. 2568 ณ สนามสันติบุรี คันทรี คลับ จังหวัดเชียงราย ระยะ 7,125 หลา พาร์ 72 ผู้ชนะจะรับเงินรางวัลไปครอง 750,000 บาท พร้อมคะแนนสะสมอันดับโลก

ในรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 “โปรเป้ง” ธนภัทร พิชัยกุล ที่ออกสตาร์ทตามหลังผู้นำ 4 สโตรก ทำ 2 อีเกิ้ล 4 เบอร์ดี้ 3 โบกี้ จบรอบที่ 5 อันเดอร์ คว้าแชมป์ที่สกอร์รวม 15 อันเดอร์ เฉือนชนะถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต (66) และ ผู้นำรอบสาม สุรดิษ ยงค์เจริญชัย (72) หนึ่งสโตรก โดย สุรดิษ และถิรวัฒน์ รับเงินรางวัลคนละ 375,000 บาท ในรายการรองสุดท้ายในฤดูกาลนี้ โดยการคว้าแชมป์รายการกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุดของทัวร์ในครั้งนี้ ทำให้ธนภัทร เป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ 26 ปี ของออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ที่สามารถคว้าแชมป์รายการเดียวกันได้ 3 สมัยติดต่อกัน และเป็นนักกอล์ฟคนแรกในทัวร์ฤดูกาลนี้ที่ได้แชมป์ 2 ครั้งในฤดูกาลนี้ “แชมป์รายการนี้ 3 สมัยติดต่อกัน มันเป็นอะไรตื้นตันใจมากครับ พูดไม่ออกครับ”

โปรที่ฉลองวัยเกิดครบรอบ 26 ปี กล่าว “ขอบคุณทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องครับ ขอบคุณคุณสันติ (ภิรมย์ภักดี) ขอบคุณพ่อคุณแม่และทุกๆ คนที่คอยสนับสนุนแม้บางครั้งจะมีช่วงเวลาที่ไม่ดีบ้างก็ตาม การได้แชมป์ที่สันติบุรีเป็นการเติมพลังให้กับตัวเอง หลังจากได้แชมป์ที่นี่มักจะมีสิ่งดีๆ ตามมาเสมอครับ”

ธนภัทร ได้แชมป์ที่สนามสันติบุรี คันทรี คลับ แห่งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ก่อนที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จที่สนามสิงห์ ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟ คลับ ทั้งนี้ แม้ว่าจะได้เงินรางวัลเพิ่มอีก 750,000 บาท แต่ธนภัทรขยับอันดับทำเงินขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 7 ที่จำนวน 787,171 บาท เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์นั้นไม่นับรวมในเงินรางวัลสะสมสำหรับฤดูกาลนี้

ขณะที่ สุรดิษ ซึ่งรอบนี้ทำ 2 เบอร์ดี้ 2 โบกี้ แม้ว่าจะพลาดแชมป์รายการที่สองของฤดูกาล แต่เงินรางวัลครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะขยับขึ้นเป็นผู้นำในอันดับทำเงินที่จำนวน 1,144,760 บาท เข้าสู่รายการสุดท้ายของฤดูกาลในต้นเดือนหน้า โดยนักกอล์ฟทำเงินสูงสุดในฤดูกาลนี้จะได้โบนัสเพิ่มอีก 400,000 บาท ส่วน ธัญพัฒน์ สุขเกิด จบอันดับ 4 สกอร์รวม 11 อันเดอร์ รับเงิน 206,750 บาท ขณะที่อันดับ 5 ร่วมประกอบด้วย สิรภพ ยะปาละ, ชัพชัย นิราศ, และธาวิท พลไทย สกอร์รวมคนละ 9 อันเดอร์ รับเงินรางวัลคนละ 137,750 บาท ขณะที่ รัญชนพงศ์ อยู่ประยงค์ และ จณัตว์ สกุลพลไพศาล จบอันดับ 8 ร่วม สกอร์รวมคนละ 8 อันเดอร์ รับคนละ 103,500 บาท ทางด้าน โคสุเก ฮามาโมโต้ และ บวร ชัยศรี ทำสกอร์รวมคนละ 7 อันเดอร์ จบที่ 10 ร่วม รับคนละ 93,125 บาท

ส่วน ไตรธันวา ทองสุข นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 15 ปี ที่ลงเล่นรายการนี้เป็นครั้งแรกจบที่ 15 ร่วม สกอร์รวม 4 อันเดอร์ รับรางวัล “ศุภพร มาพึ่งพงศ์” ซึ่งมอบให้กับนักกอล์ฟสมัครเล่นยอดเยี่ยมของแต่ละรายการในออลไทยแลนด์ฯ ด้าน ธนพล เจริญสุข จบที่อันดับ 47 ร่วม สกอร์รวม 4 โอเวอร์ รับเงินรางวัล 37,500 บาท หล่นมาอยู่ที่ 2 ในอันดับทำเงินที่จำนวน 1,110,053 บาท

สำหรับรายการต่อไปจะเป็นการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 53 ชิงเงินรางวัลรวม 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ 14 และรายการสุดท้ายของออลไทยแลนด์ฯ 2025 โดยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 ธันวาคม 2568 ณ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ จังหวัดปทุมธานี