“พาราลิมปิกไทย” เปิดประลองเฟ้นหานักกีฬาว่ายน้ำคนพิการทีมชาติไทย ลุยศึกอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 10 ที่ ฟิลิปปินส์ ที่จะชิงชัยในปีหน้า ด้าน “บิ๊กนิดหน่อย” จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประมุขพาราไทย หวังได้เห็นนักกีฬาหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น พร้อมเผย ไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรในอาเซียนพาราเกมส์นี้ เพราะอยากมุ่งเป้าหมายไปพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นมากกว่า
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2562 ที่ สระว่ายน้ำวิสุทธารมณ์ ภายในสนามกีฬาแห่งชาติ ศุภชลาศัย “บิ๊กนิดหน่อย” จุตนันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เป็นประธานการคัดเลือกนักกีฬาว่ายน้ำ เพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทย ในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 10 ที่ เมืองซูบิค สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ในช่วงระหว่างวันที่ 18-24 มกราคม 2563 ซึ่งกิจกรรมการคัดเลือกนักกีฬาว่ายน้ำในครั้งนี้ จัดโดยคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย
ด้านการคัดเลือกเฟ้นหานักกีฬาว่ายน้ำเพื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าเงือกสาว-ฉลามเข้าร่วมการคัดเลือกทั้งสิ้น 72 คน แบ่งเป็น ความพิการแขน-ขา 30 คน , ความพิการทางปัญญา 28 คน และ พิการทางสายตา 10 คน โดยมีหลักเกณฑ์ ในการคัดเลือก ทางคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย จะใช้เกณฑ์จากสถิติของการแข่งขันว่ายน้ำของศึกอาเซียนพาราเกมส์หนล่าสุด เป็นเกณฑ์เฟ้นหานักว่ายน้ำทีมจะผ่านการคัดเลือกในครั้งนี้ ซึ่งทำให้การคัดเลือกหาตัวแทนทีมชาติไทยในครั้งเป็นอย่างเข้มข้น
ด้าน นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องด้วยเรามีนโยบายที่ต้องการคัดเลือกหานักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยเพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 10 ที่ ฟิลิปปินส์ ในเดือนมกราคมปีหน้า ทำให้ที่ผ่านเราได้มีเริ่มดำเนินการเพื่อคัดเลือกนักกีฬามาราว 2 สัปดาห์แล้ว ซึ่งในหลักการเราอยากได้นักกีฬาหน้าใหม่ซึ่งไม่เคยแข่งขันเลยสัก 30 เปอร์เซ็น เพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขันในทุกๆครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาเราเองไม่ได้ให้น้ำหนักกับการแข่งขันในรายการนี้มากนัก เนื่องด้วยอาเซียนพาราเกมส์ไม่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของ พาราลิมปิกสากล ทำให้เรื่องสถิติของแรงกิ้งจึงไม่ได้นำมาใช้ในการแข่งขันระดับสากล ทำให้ที่ผ่านมา “เจ้าภาพ” จัดการแข่งขันมักเอากีฬาพื้นบ้านที่เขาถนัดเขามาบรรจุเยอะ และมักจะเอากีฬาที่เขาไม่ถนัดออกการแข่งขันมาตลอด ทำให้การที่เราจะมาวัดภาพสะท้อนของเรื่องจำนวนเหรียญอย่างเดียวนั้นมันก็ไม่ใช่ เท่าไหร่
“ส่วนกีฬาว่ายน้ำส่วนใหญ่เราดูเรื่องของสถิติเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาทางสตาฟฟ์โค้ชได้เข้ามารายงานว่านักกีฬาเราเพิ่งทำลายสถิติการแข่งขันระดับเอเชียมา ซึ่งผมถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก และที่ผ่านมาในการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ในครั้งที่ผ่านมา เรามีนักกีฬาหน้าใหม่อายุ 14 ถึง 16 ปี เข้ามาเยอะซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่เราวางไว้และนักกีฬาเราสามารถทำผลงานสถิติได้ดีเพิ่มขึ้นมาด้วย ทำให้ตนมองว่าการบริหารกีฬาว่ายน้ำเป็นไปด้วยดี”
ประมุขภพาราไทย กล่าวต่ออีกว่า อาเซียนพาราเกมส์ เรายังมองว่ามันคือสนามซ้อมใหญ่ของเราซึ่งผมเองพูดมากว่า 10 ปีแล้ว เพราะในรายการนี้เราต้องการให้เป็นรายการที่เปิดโอกาสให้กับนักกีฬาหน้าใหม่แข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อดูสถิติของเขา เพื่อเอาไปเปรียบเทียบสถิติในเอเชีย และ พาราลิมปิกเกมส์ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดสำหรับพาราลิมปิกเกมส์ 2020″
“ส่วนเวลานี้เรามีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ และเราก็พร้อมและกำลังติดต่อกับทางญี่ปุ่นเพื่อเข้าไปฝึกซ้อม ทำให้ผมคิดว่ากีฬาว่ายน้ำในอาเซียนพาราเกมส์นั้นน่าจะทำได้ดี แต่ผมเองก็ไม่อยากสร้างความกดดันให้กับนักกีฬา แต่การสร้างพวกเราภายใต้การดูแลของสตาฟฟ์โค้ช นักกีฬาเราไปได้ดีอย่างแน่นอนและประสบการณ์ที่เราเติมเสริมให้พวกเขาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อมั่นว่านักกีฬาว่ายน้ำชุดนี้จะประสบความสำเร็จในอาเซียนพาราเกมส์ได้ แต่อย่างที่บอกไว้เรามองว่าอาเซียพาราเกมส์ เป็นแค่การซ้อมให่ญ่ของเรา เพราะ ณ ตอนนี้เรามองไปเป้าหมายใหญ่คือ พาราลิมปิกเกมส์ 2020 แล้ว “บิ๊กนิดหน่อย” กล่าว
ขณะที่ สมชาย ดวงแก้ว นักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย เปิดเผยว่า การคัดตัวในครั้งเพื่อหานักกีฬาตัวอทยทีมชาติไทย ซึ่งวันนี้เราได้ทราบผลแล้วว่าใครติดบ้าง ซึ่งเราจะไปเก็บตัวฝึกซ้อมกันที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะไปเข้าร่วมการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ ส่วนเรื่องเป้าหมายเวลานี้ยังไม่ตั้งเป้าไว้ เพราะอยากที่จะโฟกัสเรื่องการฝึกซ้อมมากกว่าเพราะปัจจุบันทุกประเทศมีการพัฒนาขึ้นมาก และพร้อมทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ในทุกๆการแข่งขันอยู่แล้ว