“ซีดาน” กับสถานการณ์อันแหลมคม (2)

Photo of author

เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีม เรอัล มาดริด เปรยออกมาถึงอนาคตที่ยังคลุมเครือ

เมื่อสัญญาที่เหลืออีกเพียง 2 ยังไม่ถูกขยายระยะเวลาเพิ่ม สัญชาตญาณฉับไวของ กีเญม บาลาก ผู้สื่อข่าว บีบีซี ก็ทำงานทันทีและสัมผัสว่านี่อาจเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับ ซีเนอดีน ซีดาน ยอดเทรนเนอร์ฝรั่งเศส

เป็นเรื่องจริงที่ เรอัล มาดริด เสริมทัพน้อยเกินไป และเป็นเรื่องจริงเช่นกันที่ทุกคนรู้ดีว่าความคาดหวังของสาวก “มาดริดดิสตา” ร้อนแรงและสูงเสียดฟ้าเพียงใด วีรบุรุษมากมาย จะกลายเป็นผู้ร้ายในทันทีที่สโมสรผลงานไม่ได้ดั่งใจ เฉกเช่น ซีเนอดีน ซีดาน กำลังเผชิญในขณะนี้

ทุกอย่างใน ซานติอาโก เบอร์นาบิว ยังไม่ถึงขั้นเชิงบวก ตั้งแต่กลับมาทำงานรอบ 2 (นับจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว) ซีดาน นำทัพสู้ ลา ลีกา 15 นัด ชนะ 7 นัด หรือคิดเป็นร้อยละ 46.7 เปรียบเทียบกับคนก่อนหน้านั้นคือ ซานติอาโก โซลารี ผลงานคือชนะ 22 นัดจากทุกรายการนับรวม 32 นัด หรือคิดเป็นร้อยละ 68.8 ต้องบอกว่าคนเก่าผลงานดีกว่าเยอะ แต่สุดท้ายยังไม่วายโดนเชือด

เสริมทัพน้อยยังไม่พอ ผู้เล่นสำคัญอย่าง มาร์โก อาเซนซิโอ ดาวรุ่งเก่า, เอแดน อาซาร์ จอมทัพคนใหม่จาก เชลซี ยังเดี้ยงกันตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล ลูกา โยวิช กองหน้าจาก ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ก็ยังไม่สามารถยกระดับขึ้นเป็นความหวังในแนวรุก หรืออย่างน้อยก็ควรเป็นตัวเลือกที่มีคุณภาพให้ ซีดาน ได้อุ่นใจในทุกครั้งถูกส่งลงสนาม ไม่ว่าจะในฐานะตัวจริงหรือสำรอง

เมื่อประเดิม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ด้วยการโดน ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถลุงยับ ทุกอย่างจึงดูยิ่งประดังกลายเป็นช่วยซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่ให้ทรุดลงอีก นำไปสู่การออกตัวกระท่อนกระแท่นน่าผิดหวัง

เรอัล มาดริด ฤดูร้อนที่ผ่านมาใช้เงินไปไม่น้อยในการหาผู้เล่นใหม่ นอกจาก เอแดน อาซาร์, ลูกา โยวิช ก็ยังมีดาวรุ่งคือ เอแดร์ มิลิโต (21 ปี/ เอฟซี ปอร์โต/ 42.7ล้านปอนด์), โรดรีโก โกเอส (18 ปี/40.2ล้านปอนด์/ซานโตส) ถ้าจะบอกว่าตัวเลขระดับ 40 ล้านปอนด์ ไม่มากมายแล้วในโลกฟุตบอลปัจจุบัน นั่นก็จริง แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง เอแดร์, โรดรีโก เคยพิสูจน์คุณภาพตนเองไปบ้างหรือยัง ว่าคุ้มค่าตัวเลขดังกล่าว

คริสเตียน เอริคเซน จอมทัพทีมชาติเดนมาร์ก ของสโมสร ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, ดอนนี ฟาน เดอร์ บีค, ดาวรุ่งสโมสร อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ล้วนเคยมีข่าวพัวพันกับ รีล มาดริด แต่ก็เป็น ซีเนอดีน ซีดาน นั่นเองที่กีดกัน เนื่องด้วยไม่สบอารมณ์เพราะแข้งเดียวที่ปรารถนาก็คือ ปอล ป็อกบา กองกลางรุ่นน้องในทีมชาติฝรั่งเศส

กุนซือทุกคนมีแผนงาน มีผู้เล่นทั้งที่อยู่ในแผนและเคยอยู่ในแผน นี่คืออีกหนึ่งความอึดอัดของ ซีดาน ที่แสดงออกมาตลอดว่าไม่ต้องการ ฮาเมส โรดริเกซ ตัวรุกทีมชาติโคลัมเบีย, อิซโก อาลาร์กอน กองกลางทีมชาติสเปน รวมทั้งชัดเจนสุดกับความต้องการโละ แกเร็ธ เบล ถึงขั้นประกาศต่อสาธารณชนว่า “ขอบคุณ เบล ถึงความทุ่มเทตลอดเวลาที่ผ่านมา”

ทว่าสุดท้ายเมื่อ เบล ยังคงไม่ไปไหน (เพราะไม่มีสโมสรใดหน้ามืดพอจะยื่นข้อเสนอมหาศาลสาสมใจท่านประธาน เปเรซ) จึงทำความยากลำบากต่อ ซีดาน ในแง่การบริหารผู้เล่นลงสนาม อันส่งผลกระทบโดยตรงในการกำหนดกลยุทธ์ต่อสู้ สังเกตได้จากการเลือกระบบการเล่นที่ยังสับสนอยู่ระหว่าง 4-3-3 กับ 4-4-2 หนำซ้ำร้ายหนักกว่าเดิมคือ เคย์ลอร์ นาวาส นายทวารคนโปรด ยังถูกขายไปให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

จึงคาดเดาไม่ยากว่า บุรุษทระนงเช่น ซีดาน จะกล้ำกลืนแค้นแทบกระอักเลือดเพียงใด ซึ่งการที่กุนซือแสดงจุดหนึ่งทว่าผลลัพธ์กกลับออกมาเป็นอีกอย่างในทางตรงข้ามทุกเรื่อง เป็นการสะท้อนที่ชัดเจนเช่นกันว่า กุนซือคนนั้นได้รับการสนับสนุนมากมายเพียงใดจากผู้เป็นประธาน และความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังแน่นเหนียวเกลียวกลมหรือไม่

ซีดาน คิดแบบกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากมายว่าด้วยบารมีที่สะสม ทุกสิ่งที่ต้องการจะได้รับการตอบสนองทุกประการ ขณะที่ เปเรซ คือนักธุรกิจ เขาจะขายนักเตะต่อเมื่อได้รับข้อเสนอที่เหมาะสม แต่จะไม่ขายนักเตะเพียงเพราะกุนซือบอก “ไม่ต้องการ”

ดังนั้นหากใครไปอยู่ในจุดเดียวกับ ซีดาน ย่อมเข้าใจดีว่า “ไม่มีความสุขหรอก” เพียงไม่เข้าใจว่าเรื่องอันใดที่ทำให้คนเคยรัก มาวันนี้กลับแสดงจุดยืนตรงข้ามกันในทุกเรื่อง

ทีนี้หาก ซีเนอดีน ซีดาน จะต้องแยกทาง เรอัล มาดริด (อีกครั้ง) ถามว่าท่านประธานเปเรซ จะไปคว้ายอดฝีมือคนใดมาช่วยนำสโมสรกลับสู่เส้นทางถูกต้องและเหมาะสม…โฆเซ มูรินโญ คือชายพิเศษคนนั้นหรือไม่ ???

ย้อนอดีตไปไม่ไกลนัก บาร์เซโลนา ในยุค โฆเซป กวาร์ดิโอลา เข้าครอบครองโลกฟุตบอลด้วย “ติกิ ตากา” ทั่วยุโรปสะท้านเมื่อกองทัพคาตาลุนญา กรีธาเข้ารุกราน ตอนนั้นมีเพียง 2 ขุมพลังที่พอจะต่อต้าน ได้แก่ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยประสบการณ์โชกโชนของ จุปป์ ไฮย์เกสส์ เสือเฒ่าชาญศึก กับอีกหนึ่งคือ เรอัล มาดริด ที่ยืนหยัดภายใต้บัญชาของ โฆเซ มูรินโญ

แรกเลยเหล่า “มาดริดดิสตา” ไม่ค่อยสุขใจนักกับการที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ ตัดสินใจเลือก มูรินโญ เนื่องด้วยกุนซือท่านนี้ต่อให้สำเร็จแชมป์มากมาย แต่นั่นมาจากปรัชญาฟุตบอลตรงข้ามสุดขั้วกับ รีล มาดริด ที่เรืองเสน่ห์และบารมีด้วยบอลเชิงรุก

การรับงานที่ ซานติอาโก เบอร์นาบิว กลับกลายเป็นเวทีแสดงฝีมือของ มูรินโญ ซึ่งพิสูจน์อีกขั้นให้เห็นว่า หากต้องการบุก “มู ก็จัดให้ได้” อย่างเต็มรูปแบบและพามหาอำนาจชุดขาวยับยั้งความร้อนแรงของ “พลังสีแดง(เลือดหมู)-น้ำเงิน” อย่างไรก็ตาม ด้วยบุคลิกแบบ “เดอะ สเปเชียล วัน” เอกบุรุษผู้นี้จึงขัดแย้งกับแกนนำนักเตะอย่างน้อย 3 คน ได้แก่ อิเคร์ คาซิยาส, คริสเตียโน โรนัลโด และ เซร์คิโอ รามอส ซึ่งสื่อมวลชนสายฟุตบอลแดนกระทิงดุ รู้ดีกว่านี่คือ 3 ประสานในการแซะ “มู” จนอยู่ไม่ได้ ถึงกระนั้นในวันที่ต้องสวมกอดอำลา เปเรซ กระซิบผ่าวริมหู มูรินโญ ถึงโอกาสที่จะหวนกลับมาทำงานเคียงข้างกันอีกครั้งในสโมสร รีล มาดริด

หลังการเปิดรังเชือดนิ่ม โอซาซูนา เหมือนว่าความอึดอัดของ ซีดาน จะลดลง ด้วยตอนนี้ “โลส บลังโกส” ทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 บนตารางเรียบร้อย ผ่าน 6 นัด ฟันไป 14 คะแนน นำห่าง บาร์เซโลนา 4 คะแนน สถานการณ์ลดระดับจากวิกฤติลงไปเหลือแค่ “วิตก” ต้องเฝ้าระวัง กระนั้นก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า การเป็นพระเอก-ผู้ร้าย ไม่เคยจีรังยั่งยืนในสายตา “มาดริดดิสตา” เพราะอายุของสถานภาพสั้นมาก พลิกผันไป-มาฉับพลันตามผลลัพธ์ในสนาม โดยพวกเขาจะไม่รอให้คุณใช้เวลามากนักในการทำงาน

อิเคร์ คาซิยาส, คริสเตียโน โรนัลโด แยกย้ายไปแล้วจากถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาบิว อนาคตของ เซร์คิโอ รามอส ก็ยังคลุมเครือ โดย “เอล คาปิตัน” ยืนยันผ่านสำนักสื่อมวลชนว่า ถ้าฝ่ายต้นสังกัดต้องการเจรจาด้วย “คุยกันแค่ 5 นาทีก็รู้เรื่องแล้ว”

บางทีอนาคตชัดเจนของ เซร์คิโอ รามอส ก็อาจหมายถึงชะตากรรมกระจ่างของ ซีเนอดีน ซีดาน

กัปตันโยฮัน

หมายเหตุ : เรียบเรียงจากบทความ “Real Madrid: Is Zinedine Zidane struggling second time around?” โดยสำนักข่าว บีบีซี