การแข่งขันแบดมินตันสะสมคะแนนโลก “เอชเอสบีซี บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์” ระดับซูเปอร์ 1,000 รายการที่เก่าแก่สุดในโลก “โยเน็กซ์ ออล อิงแลนด์ โอเพ่น” ครั้งที่ 110 ชิงเงินรางวัลรวม 1,100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 34,100,000 บาท ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ
รอบชิงชนะเลิศ ประเภทคู่ผสม “บาส”เดชาพล พัววรานุเคราะห์-“ปอป้อ”ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่มือ 3 ของโลก และคู่มือ 3 ของรายการ พบ ปราวีน จอร์แดน-เมลาติ เดวา อ็อคตาเวียนติ คู่มือ 5 ของโลก และคู่มือ 5 ของรายการ จากอินโดนีเซีย โดยสถิติการเจอกัน 5 ครั้ง เป็นคู่อินโดนีเซีย ทำได้ดีกว่า เอาชนะไป 3 ครั้ง ซึ่งล่าสุดในรอบก่อนรองฯ ศึก “เฟรนช์ โอเพ่น 2019” บาส-ปอป้อ พ่ายไป 0-2 เกม ผลปรากฎว่า เกมแรก คู่อินโดนีเซีย แซงในช่วงท้ายเอาชนะไปก่อน 21-15 แต่เกมสอง คู่ เดชาพล-ทรัพย์สิรี แก้เกมมาดี เอาชนะได้บ้าง 21-17 ต้องมาลุ้นในเกมสุดท้าย ซึ่ง คู่ไทย พยายามสู้เต็มที่ แต่ต้าน ปราวีน จอร์แดน-เมลาติ เดวา อ็อคตาเวียนติ ไม่ไหว พ่ายไปอีก 8-21 สรุปแพ้ไป 1-2 เกม 15-21, 21-17, 8-21 ได้เพียงรองแชมป์ และถือเป็นครั้งที่ 8 ที่นักแบดมินตันไทยได้เพียงรองแชมป์
หลังจากก่อนหน้านี้ ศ.(พิเศษ) เจริญ วรรธนะสิน เคยเข้าชิงในประเภทชายเดี่ยวเมื่อปี ค.ศ.1960, 1962 เช่นเดียวกับ ชาญณรงค์ รัตนแสงสรวง ปี ค.ศ.1963 และหญิงเดี่ยว “เมย์”รัชนก อินทนนท์ ปี ค.ศ.2013, 2017 และชายคู่ ณรงค์ พรฉิม-ระพี กาญจนระพี ค.ศ.1962 คู่ผสม “เต่า”สุดเขต ประภากมล-“ส้ม”สราลีย์ ทุ่งทองคำ ปี ค.ศ.2011 แต่คู่ “บาส-ปอป้อ” ก็ยังได้เงินรางวัลปลอบใจ 38,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,193,500 บาท ส่วนคู่อินโดนีเซีย รับเงินรางวัล 81,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,523,400 บาท
หลังการแข่งขัน คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกเสียดายที่ บาส-ปอป้อ ไม่สามารถจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการแบดมินตันโลกได้ แต่ก็ขอชื่นชมว่าทั้งคู่ได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแม้งจะทำได้เพียงรองแชมป์ แต่พวกเขาก็แสดงถึงพัฒนาการทักษะฝีมือที่ตอนนี้ถือเป็นแถวหน้าของโลกในประเภทคู่ผสม และเชื่อว่าจะพัฒนาต่อไปได้อีกแน่นอน หลังจากนี้คงต้องโฟกัสไปที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากฟอร์มที่ดีเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศไทยมีลุ้นคว้าเหรียญรางวัลแบดมินตันในโอลิมปิกเกมส์หนนี้ได้แน่นอน
นอกจากนี้ คุณหญิงปัทมา ยังกล่าวถึงการที่สหพันธ์แบดมินตันโลก(บีดับเบิลยูเอฟ) ยุติ 12 รายการแข่งขันสะสมคะแนนโลกที่ให้การรับรอง ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. -12 เม.ย. ว่า บีดับเบิลยูเอฟ กับ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี) และองค์การอนามัยโลก(ดับเบิลยูเอชโอ) ต่างติดตามสถานการณ์ และเฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งส่วนตัวในฐานะไอโอซี เมมเบอร์ ของประเทศไทย ก็ทราบเรื่องราว และจะนำมาแจ้งให้กับผู้เกี่ยวข้อง และชาวไทยให้ได้รับทราบต่อไป เพื่อให้คณะนักกีฬาไทยเตรียมแผนรับมือต่อไป แม้จะยอมรับว่ากระทบต้องการเก็บคะแนนคัดเลือกไปแข่งขันรอบสุดท้ายก็ตาม แต่สุขภาพของนักกีฬา และประชาชนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยเชื่อมั่นว่าหากเราร่วมมือกัน จะก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้แน่นอน ซึ่งในส่วนของนักแบดมินตันไทยที่กลับมาก็จะดำเนินการตามขั้นตอน และระเบียบตามที่รัฐบาล กำหนด คือต้องกักตัวเองเพื่อดูอาการ 14 วัน