เช้าวันนี้ (29 ส.ค.65) บิ๊กบอส ONE “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ตอบรับคำเชิญอย่างเป็นทางการจากกองทัพบก ในการรับตำแหน่งโปรโมเตอร์ประจำสนามมวยเวทีลุมพินีอันทรงเกียรติ ซึ่งเป็นสนามมวยอันทรงเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการมวยไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นสถานที่ให้กำเนิดแชมป์มวยไทยที่ดีที่สุดหลายยุคหลายสมัย
ผมขอขอบคุณ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ., พล.อ.สุชาติ แดงประไพ (นายสนามมวยเวทีลุมพินี) และ พล.ท.รณวุธ เรืองสวัสดิ์ (รองนายสนามมวยเวทีลุมพินี) สำหรับโอกาสอันล้ำค่านี้
ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ผมรู้สึกซาบซึ้ง และยินดีที่จะได้รับใช้ชาติ และยกระดับศาสตร์แห่งมวยไทยอันสวยงามสู่ระดับโลก ในฐานะซีอีโอของ ONE ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ นักกีฬา หัวหน้าคณะ และโปรโมเตอร์ ผู้สนับสนุนวงการมวยไทยทุกคนในประเทศและทั่วโลก เพื่ออนาคตที่สดใสร่วมกัน เพราะพวกเราคือหนึ่งเดียวกัน (We are ONE)”
ชีวิตของผมคลุกคลีกับมวยไทยในหลาย ๆ ด้าน พ่อผู้ล่วงลับของผมเป็นผู้แนะนำให้รู้จักมวยไทยตอนผมอายุ 9 ขวบ ท่านพาผมไปที่สนามมวยลุมพินีเพื่อชมการแข่งขันบ่อยครั้ง มันเป็นหนึ่งในความทรงจำวัยเด็กที่ผมชอบที่สุด
เมื่อผมอายุ 13 ปี ผมเริ่มฝึกมวยไทยภายใต้การชี้แนะของ ครูยอดธง เสนานันท์ ผมยังจำวันแรกของการฝึกได้ชัดเจน ตอนนั้น ค่ายมวยศิษย์ยอดธง เป็นค่ายมวยไทยอันดับ 1 ของประเทศที่มีชื่อเสียงและมีนักชกที่เก่งที่สุดในประเทศ ครูยอดธง เสนานันท์ คือตำนานที่ปลุกปั้นแชมป์มวยไทยจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ในชีวิตผมไม่เคยเจ็บตัวขนาดนั้นมาก่อน กระสอบอัดแน่นไปด้วยทรายหนัก ๆ การเตะแต่ละครั้งทำให้ผมรู้สึกระบมไปทั้งขา การฝึกฝนอย่างเข้มงวด ปอดเผาผลาญอ็อกซิเจนแทบไหม้ ผมต้องแอบไปอาเจียนในห้องน้ำสองสามรอบ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรอดจากการวิ่ง 12 กม. การเตะกระสอบทราย 15 ยก ชกเป้า ฝึกปล้ำ และซิตอัพ 500 ครั้ง ฯลฯ ในวันแรกได้ยังไง หลังจากจบวันนั้น ขาแข้งผมบวมช้ำ ห้อเลือดเต็มไปหมด ผมรู้สึกระบมไปทั้งตัว แต่ในใจกลับรู้สึกมีความสุข
โชคดีที่ พี่ตุ๊ หนึ่งในครูมวยอาวุโสของค่ายศิษย์ยอดธง ช่วยประคับประคองผมในวันนั้น ดูแลผมเหมือนน้องชาย แม้ผมจะไม่มีอะไรให้เขาก็ตาม ภายใต้การฝึกฝนของ ครูยอดธง พี่ตุ๊ ได้ถ่ายทอดความรู้ด้านมวยไทยแก่ผมมาตลอดหลายปี (โชคชะตามีจริง ผมได้โอกาสตอบแทนความกรุณาของเขาในอีกหลายปีต่อมา ตอนนี้ พี่ตุ๊ ทำงานให้กับ ยิมอีโวลฟ์ หนึ่งในบริษัทในเครือของผมในตำแหน่งผู้ฝึกสอนอาวุโส)
ผมยังคงฝึกซ้อมสม่ำเสมอจนถึงทุกวันนี้ เวลานั้นผมยังไม่รู้ตัว แต่วันแรกของการฝึกเมื่ออายุ 13 ปี ได้จุดไฟในใจของผม ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล ตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา ผมเป็นส่วนหนึ่งของมวยไทย ทั้งในฐานะนักเรียน นักสู้ ครู และซีอีโอ”
ทั้งนี้ การแถลงข่าวการจับมือร่วมกันระหว่าง ONE กับสนามมวยเวทีลุมพินี จะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในวันจันทร์ที่ 12 ก.ย.65 ที่สนามมวยเวทีลุมพินี กับบทบาทใหม่ของซีอีโอระดับโลก “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ซึ่งนำพาโอกาสครั้งสำคัญมาสู่กีฬามวยไทยและนักมวยไทย ที่จะเติบโตก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมที่ยิ่งใหญ่ ชนิดพลิกโฉมไปจากเดิม ติดตามข่าวสารการแถลงข่าวได้ทางเฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand