การแข่งขันมวยสากลกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่สนามแข่งขันโกกุคุกิคัง อารีน่า กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นการชกรอบ 16 คนสุดท้าย โดยมีนักชกไทยขึ้นชกคนเดียวในรุ่นเฟเธอร์เวต 57 กก.ชาย “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี พบ เมียร์โก คูเอ็นโล จากอาร์เจนติน่า
โดย 2 ยกแรก เจ้าสด อาศัยดักต่อยซ้ายตรงได้อย่างแม่นยำ เป็นฝ่ายคุมเกมการชกได้ตลอด โดยในยก 2 สามารถเรียกเลือดจากคู่ชกฟ้าขาวจนกรรมการต้องสั่งเบรกเพื่อดูแผล โดยแพทย์ให้ชกต่อได้
มาถึงยก 3 เจ้าสดเริ่มไม่เข้าแลก ขณะที่ คูเอ็นโล แทบจะวิ่งเข้าใส่แต่เจ้าสดก็ประคองตัวไปได้ครบยก ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เป็นฝ่ายชนะคะแนน 4-1 ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายพบกับ ลาซาโร่ อัลวาเรซ จากคิวบา วันที่ 1 ส.ค. และเป็นการเข้าถึงรอบ 8 คนได้เป็นครั้งแรกในการชกโอลิมปิก
หลังการชก “เจ้าสด” กล่าวว่า วันนี้ชกได้ตามแผนที่โค้ชวางไว้ เน้นจังหวะสองเพราะดูเทปเขาเป็นมวยสไตล์ไฟต์เตอร์ที่เดินหน้าเข้าใส่อย่างเดียว ดีใจครับที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายถือเป็นครั้งแรกที่มาถึงรอบนี้ เคยดีที่สุดแค่รอบ 16 คน แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เป้าหมายเพราะสูงสุดคือเหรียญรางวัล รอบหน้าเจอคิวบาเป้นมวยที่ชกยากเขามีฝีมือดีรวดเร็ว แต่อายุเขาก็มากพอๆ กับตน คงต้องไปดูเทปเพื่อปรับแผนและแก้เกมบนเวที ยังมั่นใจผ่านได้ครับ
ขณะที่ “บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีม กล่าวว่า วันนี้ เจ้าสด ชกได้ดีเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เห็นการชกวันนี้บอกเลยเรื่องอายุไม่ใช่ปัญหา 3 ยกไม่มีอาการแผ่วหรืออ่อนแรงให้เห็น เจอกับคิวบาเป็นมวยฝีมือชกยากแต่เขาก็อายุมากเหมือนกับเราและได้โควตาโอลิมปิกจากอันดับแรงกิ้งไม่ใช่คัดเลก ถึงอย่างไรก็ประมาทไม่ได้ ยังมั่นใจ เจ้าสด จะผ่านไปได้อีกครั้ง
ด้าน “อ.เค้ก” รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ประเมิน/ผู้สังเกตการณ์ การทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ในการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น กีฬาโอลิมปิก 2020 เปิดเผยว่า ไอโอซี ได้เข้มงวดกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมวยในโอลิมปิกครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพื่อให้การตัดสินออกมาโปร่งใส และขาวสะอาด ไม่มีปัญหาเช่นที่ผ่านมา ด้วยการจับตาการทำงานของผู้ตัดสินในแต่ละเกม ห้ามใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด ตั้งแต่เริ่มเข้าสนามแข่ง เพื่อป้องกันการติดต่อล็อบบี้ และยังติดตั้งกล้องพิแศษ ไว้ที่โต๊ะทำงานของผู้ตัดสินให้คะแนน เพื่อซูมดูพฤติกรรมในช่วงให้คะแนน ถ้าพบว่ามีอาการเป็นพิรุธ เหลียวซ้าย แลขวา ไม่มีสมาธิกับการทำงาน ก็จะเรียกมาสอบสวนทันที
ตั้งแต่เกมแรกของมวยหากผู้ตัดสินรายใด มีการตัดสิน ให้คะแนน แตกต่าง หรือผิดปกติ จากกรรมการส่วนมาก หรือดูว่ามีแนวทางการให้คะแนนต่างจากที่ได้วางมาตรการไว้ ก็จะเรียกมาสอบสวน หากพบผิดจริงจะไม่ให้ทำการตัดสินอีกเลย ทำให้ผู้ตัดสินที่มีทำหน้าที่ครั้งนี้ ไม่กล้าออกนอกลู่นอกทาง ถึงช่วงนี้ไม่มีคู่ใดมีปัญหาในเรื่องค้านสายตา กิดขึ้นเลย ทุกชาติต่างพอใจ และยอมรับ ซึ่งนักชกที่คว้าชัยชนะ หรือได้เหรียญทอง เหรียญรางวัล จากการแข่งขัน มั่นใจได้เลยว่า มาจากฝีมือล้วนๆ ไม่มีนอกมีในแน่นอน “อ.เค้ก” กล่าวตอนท้าย