“G-12” ประกาศตั้ง “ซูเปอร์ ลีก” วาง “เปเรซ” นั่งประธาน “เกลเซอร์-อัลเญลลี” รองประธาน

Photo of author

12 ทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลยุโรป ประกาศชัดเจนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล “ซูเปอร์ ลีก” อย่างเป็นทางการ โดยมี ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด นั่งแท่นประธานกลุ่ม

หลังจากที่มีกระแสบข่าวว่าทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลยุโรป พร้อมแยกตัวจัดตั้งลีกของตนเองอย่างเป็นทางการ จนมีการต่อต้านจากแฟนฟุตบอลในประเทศยุโรปและแฟนบอลของ 12 ทีม ที่ประกาศเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์

ล่าสุดตัวแทนของกลุ่ม “ซูเปอร์ ลีก” ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในการจัดตั้งทัวร์นาเมนต์นี้ “ในวันนี้สโมสรฟุตบอลทั้ง 12 สโมสร ได้รวมตัวเพื่อแถลงการณ์เกี่ยวกับการจัดตั้งการแข่งขันฟุตบอลรายการใหม่ ภายใต้ชื่อ “ซูเปอร์ ลีก” ภายใต้การกำกับดูแลโดยกองทุนของผู้ก่อตั้งเอง”

“เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เอซี มิลาน, อาร์เซนอล, แอตเลติโก มาดริด, เชลซี, บาร์เซโลนา, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ จะเข้าร่วมในฐานะผู้ก่อตั้งและคาดว่าจะมีอีก 3 สโมสร ที่จะเข้าร่วมก่อนในฤดูกาลแรก เรามีความตั้งใจว่าจะมีการแข่งขันโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“จากนี้ไปทางสโมสรผู้ก่อตั้งคาดหวังว่าจะได้หารือกับยูฟ่า และ ฟีฟ่า เพื่อทำงานร่วมกันสำหรับผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของลีกใหม่แห่งนี้และวงการฟุตบอล”

สำหรับประธานของ “ซูเปอร์ ลีก”ได้แก่ ฟลอเรนติโน เปเรซ โดยมี โจเอล เกลเซอร์ ประธานสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อันเดรีย อันเญลลี ประธานสโมสร ยูเวนตุส ที่ลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมสโมสรฟุตบอลยุโรป เป็นรองประธาน และมีเว็บไซต์อย่างเป็นทางการชื่อว่า https://thesuperleague.com/

สำหรับรายละเอียดของการแข่งขัน “ซูเปอร์ ลีก” ที่มีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ประกอบไปด้วย

– การแข่งขันนี้จะมีขึ้นระหว่าง 20 สโมสรชั้นนำ ประกอบด้วยสโมสรผู้ก่อตั้งทั้ง 15 ทีมและอีก 5 ทีมมาจากการคัดเลือกในแต่ละปี
– การแข่งขันแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ทีม แข่งขันแบบเหย้า-เยือน เพื่อหา 8 ทีมเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ หลังจากนั้นจะแข่งขันแบบเหย้า-เยือน ไปจนถึงการแข่งขันตัดสินนัดสุดท้ายเพื่อหาแชมเปี้ยน เป็นเวลา 4 สัปดาห์
– การแข่งขันจะมีขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ ทุกสโมสรยังคงลงแข่งขันในลีกภายในประเทศตัวเองได้ตามปรกติ
– เงินรางวัลที่แจกจ่ายร่วมกันจะเพิ่มขึ้นตามรายได้ของการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าจะมากกว่า 10,000 ล้านยูโร (ประมาณ 300,000 ล้านบาท) โดยเงินรางวัลร่วมกันนี้จะมีความโปร่งใสและมีการรายงานต่อสาธารณะเสมอ
– การแข่งขันจะเริ่มในเดือนสิงหาคม จนถึง เดือนพฤษภาคม