สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที กาญจนบุรี แชมเปียนชิพ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท โดยจัดภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 จากทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จากการสนับสนุนร่วมกันของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. รายการนี้เป็นการสะสมเงินรางวัลออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการที่ห้าของ ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 54 หลุม ระหว่างวันที่ 4-6 ก.ย.2563 ณ สนามบลูแซฟไฟร์ กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ระยะ 6,726 หลา พาร์ 70 จ.กาญจนบุรี โดยผู้ชนะรายการนี้จะรับเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาท
การแข่งขันในรอบสองเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมาต้องเจอปัญหาพายุฝนฟ้าคะนองเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยการแข่งขันต้องยุติชั่วคราวตั้งแต่เวลา 16.35 น. มีนักกอล์ฟทั้งหมด 33 คนไม่สามารถเล่นจบรอบได้ ต้องกลับมาเล่นรอบสองที่เหลือให้จบในวันที่ 6 ก.ย.ในเวลา 07.00 น. และตามด้วยการแข่งขันในรอบสุดท้ายเวลา 08.50 น.
ในกลุ่มนักกอล์ฟที่เล่นจบการแข่งขันนั้น “โปรมะพร้าว” ภาณุพล พิทยารัฐ นักกอล์ฟวัย 27 ปีจากกรุงเทพฯ และ วุฒิวิทย์ เจริญพรอนุกูล นักกอล์ฟวัย 24 ปีจากกรุงเทพฯ ทำสกอร์เข้ามาคนละ 5 อันเดอร์พาร์ 65 เป็นรอบที่สองติดต่อกัน ขึ้นมานำร่วมบนคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 130 โดยมี ดลภัทรไชย นิยมชน ที่หวดเข้ามา 65 และ สุพคม มีสม ที่ทำเข้ามา 66 ไล่หลังอยู่ 2 สโตรกด้วยสกอร์รวม 8 อันเดอร์พาร์ 132
ภาณุพล พิทยารัฐ แชมป์ไทยแลนด์ โอเพ่น 2018 และชัยชนะในไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกและรายการเดียวที่ เซนต์ แอนดรูว์ 2000 จ.ระยอง เมื่อปี 2013 เปิดเผยว่า “รอบนี้ตีช็อตไม่ดีเท่ารอบแรก แต่พัตต์ดี มีเสียบ้างแต่ได้เยอะกว่า” โดยนักกอล์ฟหนุ่มวัย 27 ปีที่เพิ่งได้รองแชมป์ที่ ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมากล่าวถึงการเล่นรอบรอบสุดท้ายว่า “แพลนก็เหมือนเดิมครับไม่ได้มีอะไรเปล่ยนแปลง พยายามตีให้ออน ตีให้อยู่แฟร์เวย์เยอะๆแล้วไปสู่กันบนกรีน”
ส่วน วุฒิวิทย์ เจริญพรอนุกูล ซึ่งเกาะอยู่บนลีดเดอร์บอร์ดหลังผ่าน 9 หลุมแรกเข้ามา 4 อันเดอร์พาร 30 ทว่าเปิดเก้าหลุมหลังไม่ดีเสียโบกี้ที่หลุม 10 ตามด้วยการตีช็อตสองตกน้ำที่หลุม 12 พาร์ 5 ออกดับเบิลโบกี้ แต่ยังแก้สถานการณ์ด้วยการเก็บ 4 เบอร์ดี้ในการเล่น 5 หลุมสุดท้าย ซึ่งรวมถึงการลากเบอร์ดี้พัตต์ระยะ 15 หลาลงไปที่หลุม 16 พาร์ 3 และชิพอินระยะ 9 หลาที่หลุมสุดท้าย จบก่อนรอบสองเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 65 ขึ้นมานำร่วมบนคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 130
นักกอล์ฟวัย 24 ปีที่ผลงานในฤดูกาลนี้ค่อนข้างน่าประทับใจ โดยเฉพาะการจบอันดับสามร่วมที่กบินทร์บุรี สปอร์ตคลับ หรือ เคบีเอสซี ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ของเขาเปิดเผยว่า “ไม่เคยออกสตาร์ทสองวันแรกดีขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ส่วนรอบสุดท้ายคิดว่าน่าจะเตรียมเรื่องสภาพจิตใจนิดหน่อย แต่ก็ตีไปตามแผนที่วางไว้คือเอาชนะสนามให้ได้ทุกวัน”
ทางด้าน ดลภัทรไชย นิยมชน แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น กอล์ฟคลับ เมื่อปี 2018 จากนครสวรรค์ จบรอบสองเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวัน 8 อันเดอร์พาร์ 132 เท่ากับ สุพคม มีสม นักกอล์ฟวัย 26 ปีจาก อยุธยา กอล์ฟคลับ ซึ่งจบรอบสองเข้ามาอีก 6 อันเดอร์พาร์ 66 ขณะที่ สุทธิเจตน์ คูห์รัตนพิศาล (67), แสงชัย แก้วเจริญ (65) และ วีระชัย ยืนยั่ง (67) ตามหลังอยู่ 3 สโตรกด้วยสกอร์รวม 7 อันเดอร์พาร์ 133
ในกลุ่มนักกอล์ฟที่เล่นไม่จบนั้น ที่น่าสนใจคือ เศรษฐี ประคองเวช นักกอล์ฟวัย 26 ปีจากชลบุรี ที่กำลังลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรก ทีช็อตที่หลุม 18 ออกมาแล้วก่อนที่คณะกรรมการจะเป่ายุติการแข่งขันชั่วคราว และต้องกลับมาเล่นช็อตแอพโพรชในช่วงเช้าวันที่ 6 ก.ย.2563 โดยในรอบสองเก็บเพิ่มมาอีก 6 เบอร์ดี้ที่หลุม 3, 7, 12, 13, 15 และ 17 แบบไม่เสียโบกี้ มีสกอร์รวมอยู่ที่ 10 อันเดอร์พาร์