ณัทพงศ์ นิยมชน โปรวัย 30 ปีจากนครสวรรค์ พัตเตอร์ร้อนเก็บ 5 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ ก่อนจบรอบ 5 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวันขึ้นนำร่วมกับ รัชพล จันทวารา ด้วยสกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 136 ในศึกกอล์ฟอาชีพ ไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ รายการ “สิงห์-เอสเอที กาญจนบุรี แชมเปี้ยนชิพ 2019” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ที่สนามบลูสตาร์ กอล์ฟ คอร์ส ระยะ 6,961 หลา พาร์ 70 จ.กาญจนบุรี เมื่อ 27 มิ.ย.62
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน สิงห์-เอสเอที กาญจนบุรี แชมเปี้ยนชิพ 2019 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท จากการสนับสนุนร่วมกันของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยผู้ชนะเลิศจะรับเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาท นับเป็นรายการสะสมเงินรางวัลออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการที่สี่ของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ แข่งขันระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน 2562 ณ สนามบลูสตาร์ กอล์ฟ คอร์ส ระยะ 6,961 หลา พาร์ 70 จ.กาญจนบุรี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นรอบสองของการแข่งขัน ณัทพงศ์ นิยมชน โชว์พัตเตอร์ร้อนเก็บเข้ามา 5 เบอร์ดี้ ซึ่งรวมถึงการลากยาวระยะสามคันธงลงไปสองหลุมติดที่หลุม 6 และ 7 ก่อนจบรอบโดยไม่มีโบกี้ ขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวันขึ้นนำร่วมกับ รัชพล จันทวารา ที่สกอร์รวม 4 อันเดอร์พาร์ 136 นำการแข่งขัน 1 สโตรก
ณัทพงศ์ นิยมชน นักกอล์ฟวัย 30 ปีจากนครสวรรค์ เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 1 รายการที่มาเจสติก ครีก เมื่อปี 2016 กล่าวว่า “เมื่อวานพัตต์ไม่ลงเลย มีหนึ่งเบอร์ดี้ก็ตีเข้าไปใกล้มาก ที่เหลือพัตต์ไม่ลง วันนี้จุดเปลี่ยนก็เป็นหลุมที่ลากไกลลงไปด้วย แต่นอกจากนั้นวันนี้เสิร์ฟดีมากด้วยครับ ส่วนใหญ่จะอยู่แฟร์เวย ถ้าพลาดก็ขอบๆ มันก็ไม่เสียหาย ระยะไดร์ฟเวอร์ก็คงที่ดี ไม่ได้สั้นแล้วก็ไม่ได้ไกล แต่ว่ามันทำให้ช็อตสองเล่นง่ายขึ้น”
ทางด้าน รัชพล จันทวารา นักกอล์ฟวัย 31 ปีจากอุบลราชธานี ที่กำลังลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต แต่ก่อนการแข่งขันรายการนี้เกิดเป็นไข้หวัดแต่ยังตัดสินใจฝืนลงเล่น และทำสกอร์เข้ามา 3 อันเดอร์พาร์ 67 และ 1 อันเดอร์พาร์ 69 ตามลำดับ รวมสองวันขยับขึ้นรั้งผู้นำร่วม
รัชพล นักกอล์ฟจากอุบลราชธานี กล่าวว่า “วันนี้คือไม่มีแรงเลย ช็อตก็ดร็อปลงนิด ถ้าถามเฉพาะช่วงนี้ก็เล่นดีแต่วันนี้ไม่มีแรง ตีไปช็อตก็ยังมีคุณภาพแต่มันไม่ใกล้ธงมาก แล้วสภาพกรีนมันยาก แต่ทีช็อตตีอยู่หมดเลย วันนี้มีสองโบกี้ หนึ่งโบกี้ หนึ่งโบกี้ก็สามพัตต์ เมื่อวานโบกี้หนึ่งก็สามพัตต์ เพราะว่าถ้าออนไกลมันพัตต์ยาก สองวันนี้ต้องถือว่าพอใจมากครับเพราะถือว่าไม่สบายแล้วตีได้ขนาดนี้ ถือว่าดีมาก”
ตามหลังผู้นำหนึ่งสโตรกที่สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ 137 มีอยู่ 4 คนประกอบด้วย พศวีร์ เลิศวิไล ที่ทำเข้ามาอีเวนพาร์ 70, ชัพชัย นิราช แชมป์เก่าที่ตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ 71, ธนาธิป เผือกเทศ ที่หวด 2 โอเวอร์พาร์ 72 และ ภาณุวิชญ์ อ่อนจู ผู้นำหลังจบรอบแรก ทว่าในรอบสองตีเกินไป 4 โอเวอร์พาร์ 74
ชัพชัย นิราช แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2 รายการ รวมถึงแชมป์ที่สนามบลูสตาร์ เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาด้วย กล่าวว่า “วันนี้พัตตืไม่ดีเลยพี่ ถามว่าพัตต์ดีไหม ก็พัตต์ดีนะแต่สภาพกรีนมันมากยาก อตีลูกเข้าไปแค่ระยะไดร์ฟเวอร์หนึ่งก็มีสิทธิหลุดได้ แต่ช็อตทุกอย่างถือว่าโอเคนะ แล้วอุปสรรคอีกอย่างของรอบสองนี้คือลม คือคอนดิชั่นสนามที่นี่พอมีลมเข้ามาปุ๊ปจะทำให้ตียากขึ้น เพราะแฟร์เวย์มันจะบีบมากขึ้น”
ทางด้าน ภาณุวิชญ์ อ่อนจู ที่จบรอบแรกขึ้นนำการแข่งขันด้วยสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 63 แต่พอเข้ารอบสองตีเกินไป 4 โอเวอร์พาร์ 74 แต่รวมสองวันยังตามหลังผู้นำเพียงสโตรกเดียวกล่าวว่า “วันนี้ตีเหล็กไม่ดีเลยครับ ต้องไปแก้ไขตลอด เวลาตีไปมันก็ไม่ค่อยได้ทำแต้มเลยครับ วันนี้ฟิลลิงเหล็กมันตีไม่ได้เลยครับ เหมือนแนวสวิงมันลงมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อวานจังหวะมันดีมาก เข้าทุกอย่าง แต่โดยรวมพอใจพอสมควรครับ ไม่ค่อยหงุดหงิดตัวเองเท่าไหร่ เหมือนผมก็ยังเล่นสนุกเต็มที่ของผมเหมือนเดิม”
กลุ่มที่ตามหลังผู้นำ 3 สโตรกที่สกอร์รวม 1 อันเดอร์พาร์ 139 ตามเข้ามาอีก 7 คน ประกอบด้วย อติรุจ วินัยเจริญชัย, เชาวลิต ผลาผล, กฤติน สุนทรนนท์, พล เขมรัตน์, ชโยดม จันทร์จารุพงศ์, เศรษฐี ประคองเวช และ ศรัณย์ ศิริธร ขณะที่กลุ่ม อีเวนพาร์ 140 ยังมีอีก 6 คน รวมถึง สุทธิเจตน์ คูห์รัตนพิศาล โปรวัย 31 ปี แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอ 1 รายการที่สว่าง รีสอร์ท จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2012 ที่ในรอบสองหวดเพิ่มมาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 68