‘สิงห์ ไทยแลนด์ ชาเลนจ์’ ได้ 4 ยอดฝีมือบินชม “ดิ โอเพ่น” ที่ไอร์แลนด์เหนือ

Photo of author

สิงห์ ไทยแลนด์ ชาเลนจ์ ได้ 4 สุดยอดฝีมือ จากการแข่งขันเวอร์ชวลกอล์ฟ ไฟนัล สเตจ ที่สนามโพธาลัย แบงค็อก คว้าสิทธิชม ดิ โอเพ่น ครั้งที่ 153 ถึงขอบสนามรอยัล พอร์ตรัช ประเทศไอร์แลนด์เหนือ พร้อมออกรอบไกลถึงสนามลอนดอน กอล์ฟ คลับ ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 17-22 กรกฎาคม 2568 ขณะที่นักกอล์ฟที่จบอันดับ 5-120 เตรียมลุ้นต่อกับการออกรอบสนามกอล์ฟจริงที่ สนามริเวอร์เดล กอล์ฟคลับ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 หาอีก 4 ที่นั่งสุดท้าย

สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ในฐานะ โกลบอล สปอร์ต พาร์ทเนอร์ชิพ การแข่งขันกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุดรายการหนึ่งอย่าง “ดิ โอเพ่น” จัดการแข่งขันเวอร์ชวลกอล์ฟ เล่นผ่านเครื่อง TRACKMAN 4 หลังจากได้นักกอล์ฟ 232 คนจากรอบคัดเลือกทั่วประเทศ 19 สนามผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ “สิงห์ ไทยแลนด์ ชาลเลนจ์ เวอร์ชวล ไฟนัล สเตจ” ที่สนามโพธาลัย แบงค็อก เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาเพื่อหา 4 สุดยอดฝีมือรับรางวัล “สิงห์ ดิ โอเพ่น ดิ เอ็กซ์คลูซีฟทริป” เดินทางไปชมการแข่งขัน ดิ โอเพ่น ครั้งที่ 153 ที่สนาม รอยัล พอร์ตรัช ประเทศไอร์แลนด์เหนือ พร้อมออกรอบสนามชื่อดังประเทศอังกฤษ

การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศจะทำการแข่งขันกอล์ฟเวอร์ชวลกอล์ฟจำนวน 9 หลุม บนสนามสนามรอยัล พอร์ตรัช คิดคะแนนแบบสโตรกเพลย์ โดยผลการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ ธนกร ตัณฑเวส คว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์ 2 อันเดอร์ ขณะที่ อภิชา อรนิชรตนพร, วันชนะ อุดมศรี และ วรวีร์ ปริยวงศ์ จบอันดับสองร่วมกันด้วยสกอร์ 1 อันเดอร์ ซึ่งทั้ง 4 คน คว้าสิทธิ์ไปชมการแข่งขัน ดิ โอเพ่น ครั้งที่ 153 ที่ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และออกรอบที่สนามลอนดอน กอล์ฟ คลับ สนามแข่งระดับ ยูโรเปียนทัวร์ ที่ประเทศอังกฤษ

ส่วนนักกอล์ฟที่จบอันดับ 5-120 จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่รอบพิเศษ “9 HOLES COURSE CHALLENGE” การแข่งขันออกรอบสนามกอล์ฟจริงจำนวน 9 หลุม ที่สนามริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 โดยจะแบ่งสนามออกเป็น 2 คอร์ส เก้าหลุมแรกและเก้าหลุมหลัง คิดคะแนนแบบสโตรกเพลย์ ผู้ที่จบสองอันดับแรกของแต่ละคอร์ส รวม อีก 4 คนจะได้รางวัล “สิงห์ ดิ โอเพ่น ดิ เอ็กซ์คลูซีฟทริป” บินไปชม ดิ โอเพ่น เช่นเดียวกัน