12 โรงเรียนจากโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าร่วมการฟาดแข้งศึกฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 รอบภูมิภาคโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2562 เพื่อเฟ้นหา 2 ทีมตัวแทน ลุยรอบชิงแชมป์ประเทศไทย ในเดือนมกราคม 2563
เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 2 ธ.ค. 62 กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ภายใต้แนวคิด เดอะเบส ยู-15 ทัวร์นาเม้นต์ “THE BEST U-15 TOURNAMENT” ชิงเงินรางวัลทุนการศึกษาสูงสุด 1 ล้านบาท และเฟ้นหาสุดยอดเยาวชนไทยฝีเท้าดีจำนวน 10 คน เพื่อเข้าร่วมโครงการนักเตะเยาวชน “ฟ็อกซ์ ฮันท์” รุ่นที่ 5 ไปฝึกทักษะฟุตบอลแบบมืออาชีพ ที่สโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง
ล่าสุด มีการแถลงข่าวประชุมผู้จัดการทีมที่ผ่านรอบเพลย์ออฟ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบภูมิภาคโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จำนวนทั้งสิ้น 12 ทีม ในช่วงระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2562 ณ ห้องประชุม สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี
โดย วีระชน ประดับศรี ผู้อำนวยการ การกีฬาแห่งประเทศไทย จ.อุดรธานี ในฐานะประธานในพิธีการประชุมทีม ได้กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ทีมสต๊าฟโค้ชทั้ง 12 โรงเรียน ทีมผู้ตัดสินจากกรมพลศึกษา และสื่อมวลชนที่เดินทางมาร่วมงานแถลงข่าว พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะรากฐานในระดับเยาวชน โดยเปิดเผยว่า
“สำหรับ ทัวร์นาเม้นต์ คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 ถือเป็นรายการการแข่งขันที่มีชื่อเสียงระดับประเทศไทยไปแล้ว โดยปีนี้จะเป็นครั้งที่ 4 ที่มีการจัดการแข่งขัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็มีนักกีฬาจากจังหวัดอุดรธานีที่ติดอยู่ในโครงการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ โดยปีนี้จากที่ดูจำนวนทีมที่เข้าแข่งขันทั่วประเทศจำนวนกว่า 326 ทีม ซึ่งในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนก็มีถึง 38 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน จนกระทั่งเหลือ 12 ทีมสุดท้าย”
“ผมมีความเชื่อมั่นว่าจากสมัยก่อน ปัญหาเรื่องรูปร่างและสรีระที่เรามักจะคิดว่า อาจทำให้นักฟุตบอลไทยจะไปได้ไม่ไกล แต่ในยุคสมัยนี้เราได้เห็นแล้วว่านักฟุตบอลอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ทำลายความเชื่อเรื่องสรีระทิ้งไปแล้ว ผู้เล่นตัวเล็กไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเล่นฟุตบอล ผมคิดว่าความมุ่งมั่นตั้งใจในการฝึกซ้อม คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้นักกีฬาไปถึงความฝันของพวกเขาได้”
“สุดท้ายขอให้ทุกโรงเรียน นักกีฬาทุกคนประสบความสำเร็จ และโชคดีตลอดการแข่งขันในรอบภูมิภาคโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และขอให้มีผู้เล่นจากโซนนี้มีชื่อติดโครงการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ กันเยอะๆครับ”
ขณะที่ บิลล์ วอลล์ หัวหน้าทีมแมวมองของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า “สวัสดีครับทุกคน ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณฝ่ายจัดการแข่งขันที่เชิญผมมาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน คิง เพาเวอร์ คัพ ผมมีประสบการณ์กับการคัดเลือกนักเตะในรายการนี้มาแล้วหลายปี และผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นตัวแทนของสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ และ คิง เพาเวอร์ ในฐานะหัวหน้าทีมงานสเก๊าต์ ที่ผ่านมาผมได้มอบโอกาสให้เด็กๆในประเทศไทยเข้าร่วมโครงการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ มาแล้ว พวกเขาจะได้ไปศึกษาต่อและฝึกทักษะฟุตบอลที่อังกฤษ
“ผมหวังว่าในสัปดาห์นี้ เราจะได้เห็นความสามารถที่โดดเด่นจากผู้เล่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน และผมก็หวังว่าพวกเขาเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จกับโอกาสการไปฝึกฟุตบอลกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เพื่อกลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยในอนาคต”
สำหรับการแบ่งสายการแข่งขันศึก “คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20” รอบภูมิภาคโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบไปด้วย
สาย A
รร.ศรีสงครามวิทยา จ.เลย
รร.เทศบาล2บ้านบุ้งสไล่ จ.เลย
รร.มัธยมเทศบาล 6 นครอุดรธานี จ.อุดรธานี
สาย B
รร.ชุมพลโพนพิสัย จ.หนองคาย
รร.เลยพิทยาคม จ.เลย
รร.บ้านเกิ้ง จ.ขอนแก่น
สาย C
รร.สารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม
รร.กีฬาจังหวัดขอนแก่น จ.ขอนแก่น
รร.บ้านลานวิทยาคม จ.ขอนแก่น
สาย D
รร.หนองโนประชาสรรค์ จ.ขอนแก่น
รร.พิชญบัณฑิต จ.หนองบัวลำภู
รร.ประชารัฐพัฒนาการ จ.ขอนแก่น
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันรอบภูมิภาคโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน นัดแรก วันที่ 3 ธันวาคม 2562 ณ สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอุดรธานี มีการแข่งขัน 4 คู่ ประกอบไปด้วย
คู่ที่ 1 เวลา 10.00 น. รร.ศรีสงครามวิทยา จ.เลย พบ รร.เทศบาล 2 บ้านบุ้งสไล่ จ.เลย
คู่ที่ 2 เวลา 11.30 น. รร.ชุมพลโพนพิสัย จ.หนองคาย พบ รร.เลยพิทยาคม จ.เลย
คู่ที่ 3 เวลา 14.00 น. รร.สารคามพิทยาคม จ.มหาสารคาม พบ รร.กีฬาจังหวัดขอนแก่น จ.ขอนแก่น
คู่ที่ 4 เวลา 15.30 น. รร.หนองโนประชาสรรค์ จ.ขอนแก่น พบ รร.พิชญบัณฑิต จ.หนองบัวลำภู
ทั้งนี้ การแข่งขันศึก คิง เพาเวอร์ คัพ 2019/20 รอบชิงแชมป์ประเทศไทย (รอบ 16 ทีมสุดท้าย) จะทำการแข่งขัน ณ สนามซ้อม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จ.นนทบุรี ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม 2563 ส่วนนัดชิงชนะเลิศ จะทำการแข่งขันในวันที่ 19 มกราคม 2563 ณ สนามศุภชลาศัย กรุงเทพมหานคร