“ส.กีฬาม้าแข่ง” เตรียมจัดศึกชิงแชมป์ประเทศไทย กลางเดือน ก.พ.ปีหน้า เพื่อร่วมฟื้นฟูคนในวงการ หลังโดนผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 “พล.อ.วิชญ์” ชี้ “ม้าไทย-ม้าเทศ” ที่จะลงชิงชัยต้องมาลงทะเบียนกับสมาคมฯ ก่อน ไม่เช่นนั้นหมดสิทธิ์ร่วมชิงชัย ยืนยัน รายการนี้ปลอดการพนัน มีเงินรางวัลมอบให้รวมกว่า 1.6 ล้านบาท พร้อมมีการถ่ายทอดสดด้วย เผย จะเดินหน้า “ปลดล็อก” กลับเข้าไปเป็นสมาชิกขององค์กรม้าแข่งขันระดับนานาชาติ เพื่อเข้าสู่การเป็น “สมาคมกีฬาม้าแข่งอาชีพแห่งประเทศไทย” ที่จะต้องได้รับการรับรองจาก “กกท.” ในอนาคตต่อไป
พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นายกสมาคมกีฬาม้าแข่งไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ครั้งที่ 3/2563 ที่ห้องประชุมชั้น 2 คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. โดย พล.อ.วิชญ์ แจ้งที่ประชุมว่า แผนงานของสมาคมฯ หลังจากที่สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงก็คือจะเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาม้าแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2564 ในช่วงกลางเดือน ก.พ.ปีหน้า คาดว่าจะเป็นวันที่ 14 ก.พ. หรือ 21 ก.พ.64 โดยจะประสานงานไปยังสนามราชกรีฑาสโมสร เพื่อขอใช้สนามจัดการแข่งขัน ซึ่งยังใช้รูปแบบเดิมเหมือนกับครั้งแรกที่จัดขึ้นที่ จ.อุดรธานี และประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาแล้ว นั่นคือจะไม่มีเรื่องของการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนเงินรางวัลรวมคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านบาท รวมทั้งจะมีการถ่ายทอดสดทางทีวีและทางออนไลน์ด้วย
นายกสมาคมกีฬาม้าแข่งไทย กล่าวต่อว่า จากนี้ สมาคมฯ จะทำการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ม้าที่จะลงแข่งขันในรายการนี้ ทั้งม้าไทยและม้าเทศ จะต้องมาลงทะเบียนกับสมาคมฯ ได้ทันตามเวลาที่กำหนดไว้ หากม้าตัวไหนไม่มีชื่อลงทะเบียน ก็จะหมดสิทธิ์ลงแข่งขันรายการนี้ไปโดยปริยาย ขณะที่ จ๊อกกี้, คนเลี้ยงม้า, เทรนเนอร์ และเจ้าของคอกม้า ก็ควรจะมาลงทะเบียนด้วย เนื่องจากสมาคมฯ จะเก็บเป็นข้อมูลที่เป็นมาตรฐานต่อไป
“รายการนี้จะจัดในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal โดยเปิดให้มีคนดูเข้าสนามตามระเบียบ ข้อบังคับและหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด แต่จะไม่มีการเล่นการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมมองว่าการแข่งขันครั้งนี้จะสามารถช่วยเหลือคนในวงการม้าแข่งได้ไม่น้อย ในช่วงสถานการณ์แบบนี้คงไม่มีสนามไหนที่จะกล้าจัดแข่งขันเพราะต้องเจอกับสภาวะขาดทุนอย่างหนัก แต่สมาคมฯ เป็นองค์กรกีฬาที่อยู่ภายใต้การรับรองของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ก็จะพยายามหาทางช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อต่อลมหายใจให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับวงการม้าแข่งให้ได้มากที่สุด” เสธ.น้อย กล่าว
พล.อ.วิชญ์ ยังแจ้งในที่ประชุมด้วยว่า เป้าหมายของสมาคมฯ คือ การก้าวไปสู่การเป็นสมาคมกีฬาม้าแข่งอาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งจะต้องได้รับการรับรองจาก กกท. โดย สมาคมฯ จะต้องจัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย เสียก่อน จากนั้นจะเดินหน้าปลดล็อกจากองค์กรนานาชาติ เริ่มด้วยการกลับเข้าไปเป็นสมาชิกของคณะกรรมการสมุดทะเบียนประวัติสายพันธุ์ม้าแข่งนานาชาติ (ISBC) ที่ก่อนหน้านี้เราถูกถอดถอนจากการเป็นสมาชิกของไอเอสบีซี เพราะว่ามีผู้ที่ทำผิดกฎการเปลี่ยนสายพันธุ์ม้าแข่ง
ล่าสุดปัญหาดังกล่าวงได้เริ่มคลี่คลายแล้ว หลังฝ่ายกฎหมายแจ้งว่าศาลได้มีคำสั่งตัดสินความผิดของผู้ที่กระทำผิดในคดีดังกล่าวที่มีการต่อสู้ฟ้องร้องคดีกันมานานหลายปีแล้ว โดยขั้นตอนต่อไป สมาคมฯ จะแปลคำพิพากษาของศาล ส่งไปยังไอเอสบี เพื่อให้พิจารณาและรับเรากลับเข้าไปเป็นสมาชิกของไอเอสบีซี อีกครั้ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการเป็นตัวแทนประเทศไทย กลับเข้าไปเป็นสมาชิกสหพันธ์ม้าแข่งนานาชาติ (IFHA) อีกด้วย ซึ่งเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว เราก็จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ คือ กกท. ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อการพัฒนากีฬาม้าแข่งและการแข่งขันม้าแข่งอาชีพ ที่จะมีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป