สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) แสดงความเป็นห่วงและส่งจดหมายเตือนมายังชาติสมาชิก ให้มีการเฝ้าระวังบุคลากรในวงการฟุตบอลที่อาจมีส่วนเข้าไปพัวพันกับการพนันฟุตบอล หรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตผลการแข่งขัน
เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการฟุตบอล ที่ลีกฟุตบอลอาชีพหลายประเทศต้องหยุดแข่งขัน ทำให้สโมสรขาดรายได้ จนต้องมีการลดค่าจ้างบุคลากรลง เพื่อพยุงสถานะทางการเงินของสโมสร
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้แจ้งขอความร่วมมือไปยังสโมสรสมาชิกให้คำแนะนำนักกีฬาฟุตบอล และเจ้าหน้าที่สโมสร ที่อาจมีรายได้ลดลง ในช่วงที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) แพร่ระบาด โดยไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล หรือการทุจริตผลการแข่งขัน
ทั้งนี้ เอเอฟซี แสดงความวิตกกังวลว่า นักฟุตบอลอาชีพ รวมถึงเจ้าหน้าที่สโมสร อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล หากลีกอาชีพกลับมาแข่งขันได้อีกครั้ง สมาคมฯ จึงได้มีการย้ำเตือนไปยังสโมสรสมาชิกว่า ทาง เอเอฟซี มีการตรวจสอบข้อมูลอยู่ตลอด อีกทั้งยังจับตาดูบุคคลที่อยู่ในข่ายพัวพันการทุจริตผลการแข่งขัน
โดย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ถือเป็นหนึ่งในชาติสมาชิก ที่มีการรณรงค์อย่างจริงจัง ในเรื่องของการล็อกผลการแข่งขันฟุตบอล และมีการทำงานร่วมกับ เอเอฟซี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงองค์กรที่เก็บข้อมูลเบาะแสการล้มกีฬาที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลกอย่าง Sportradar อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตผลการแข่งขัน กับฟุตบอลลีกอาชีพภายในประเทศ และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ การกำกับดูแล ไม่ให้นักกีฬาฟุตบอล รวมถึงเจ้าหน้าที่สโมสร มีส่วนกับการเล่นพนัน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการเป็นหนี้ จนนำไปสู่การล้มละลาย
ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ยังมีบทลงโทษให้พักการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงห้ามมีส่วนร่วม หรือเกี่ยวข้องกับรายการแข่งขันกีฬาฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้น หากพบว่ามีบุคคลในวงการฟุตบอลเล่นการพนัน หรือมีส่วนกับการล้มกีฬา ซึ่งระบุไว้ในระเบียบข้อบังคับว่าด้วยจรรยาบรรณ สำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพ ในความดูแลของสมาคมฯ
นอกจากนี้ ระเบียบว่าด้วยการลงโทษ วินัย มารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังระบุว่า ผู้ใดมีการกระทำส่อไปในทางสมยอมกันอย่างไม่มีศักดิ์ศรี (ล้มบอล) ผู้นั้นจะถูกพักการแข่งขันเป็นเวลา 3 ปี ปรับเงินตั้งแต่ 100,000 – 500,000 บาท และจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน