ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทีมชาติไทย และ ธีรศิลป์ แดงดา กองหนัากัปตันทีม ร่วมกันแถลงความพร้อม ภายในสนามช้างอารีนา ก่อนประเดิมพบกับ ทีมชาติเวียดนาม ในการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายนนี้
โดย ช้างศึก พบกับ เวียดนาม ครั้งล่าสุด ต้องย้อนกลับไปในช่วง 3 ปีที่แล้ว ที่เป็นฝ่ายบุกไปชนะถึง 3-0 ในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ก่อนโคจรมาพบกันอีกครั้ง ในการแข่งขันคิงส์คัพ ครั้งนี้
ขณะที่การแถลงข่าวครั้งนี้ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กล่าวว่า “ตอนนี้เราพร้อมเต็มที่ครับ นักเตะทุกคนมีความกระหายที่จะเจอ เวียดนาม ส่วน เรื่องผู้เล่นที่ถอนตัว ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรครับ เพราะน้องๆ ที่ถูกเรียกมา ต่างเป็นนักเตะชั้นนำของไทย ดังนั้น เรายังเดินต่อได้ และ ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“2 ปีที่ผ่านมา เวียดนาม พัฒนาขึ้นเยอะครับ ทั้งในแง่การเล่น และ ผลงาน ฉะนั้นเราก็คุยกันแล้วว่า ห้ามประมาทครับ ต้องมีสมาธิ และ เล่นให้ละเอียดที่สุด เพราะทุกวินาที อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ”
“ส่วนตัว ไม่ได้กดดันอะไรครับ ผมมองว่า ความกดดัน หรือ สถานการณ์ต่างๆ เป็นเรื่องปกติของฟุตบอล กลับกัน เราก็ไม่เห็นต้องกังวลอะไรด้วยครับ เพราะอย่างน้อยวันพรุ่งนี้ เราเล่นในบ้าน มีแฟนบอลอคอยสนับสนุน และ การที่ เวียดนาม เรียกผู้เล่นหน้าใหม่เข้า เราเองก็ศึกษาแล้วครับ และ คิดว่าคงไม่ได้แตกต่างจากเดิม”
เมื่อถูกถามว่า ผลการแข่งขันวันพรุ่งนี้ ถึงขั้นชี้วัดว่า ใครจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในอาเซียน เลยหรือไม่ โค้ชโต่ย ตอบทิ้งท้าย ว่า “อาจมีส่วนครับ แต่ฟุตบอลนัดเดียว คงวัดอะไรไม่ได้ขนาดนั้น และ สิ่งสำคัญที่เราโฟกัส คือเรื่องผลการแข่งขันครับ ไม่ใช่เรื่องอื่น”
ส่วน ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมวัย 30 ปี ที่ลุ้นลงสนามนัดที่ 100 กล่าวว่า “บรรยากาศตอนนี้ยอดเยี่ยมมากครับ ทุกคนอยู่ในสภาพร่างกายที่ดี และ ที่ผ่านมา เราก็ทำงานหนักร่วมกัน ล่าสุดโค้ชโต่ย (ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย) ก็เริ่มลงลึก ในเรื่องวิธีการเล่นพอสมควรแล้ว ดังนั้น เราพร้อมสำหรับเกมวันพรุ่งนี้ครับ”
“สภาพร่างกายของผมตอนนี้ ดีขึ้นเรื่อยๆครับ วันนี้ก็ประมาณ 80 % แล้ว หลังจากลงซ้อมในช่วงเย็น ก็คิดว่าพรุ่งนี้ น่าจะ 100 % ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสตาฟฟ์โค้ชว่า จะจัดตัวอย่างไรครับ”
“ความกดดัน มันเป็นธรรมดาที่ต้องเจอครับ ผมว่ามันไม่มีใครหนีเรื่องนี้ได้หรอก แต่ทั้งเรา และ เวียดนาม ก็เคยเจอกันมาแล้ว ดังนั้น เรื่องกดดัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องพูดถึงครับ สิ่งสำคัญที่สุด พรุ่งนี้ เราจะได้เล่นในประเทศไทย ต่อหน้าแฟนบอลทุกคน และ เราจะพยายามเต็มที่ครับ”
อดีตกองหน้าซานเฟรชเช ฮิโรชิมา ยังกล่าวถึงการเผชิญหน้ากับ ดัง วาน ลัม ผู้รักษาประตูเพื่อนร่วมทีมที่ เอสซีจี เมืองทองฯ ว่า “รู้สึกแปลกเหมือนกันครับ เพราะปกติอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่วันพรุ่งนี้ เราต้องอยู่คนละทีม ก็เชื่อว่า ในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ เราก็จะเต็มที่ด้วยกันทั้งคู่ครับ ส่วนเรื่องการบอกจุดแข็ง จุดอ่อน มันเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นครับ”
สำหรับ ทีมชาติไทย เคยเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติเวียดนาม 10 นัด รวมทุกรายการ ปรากฎว่า ทำผลงานได้ดีกว่า เมื่อชนะ 8 เสมอ 1 และแพ้ 1 นัด ในเกมที่เปิดบ้านพ่ายไปด้วยสกอร์ 1-2 ในชิงแชมป์อาเซียน 2008 รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก
ทีมชาติไทย จะประเดิมพบกับ ทีมชาติเวียดนาม ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 47 วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่สนามช้างอารีนา เวลา 19.45 น.
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์ คัพ ครั้งที่ 47 มีดังนี้
วันที่ 5 มิถุนายน 2562
ทีมชาติกือราเซา พบกับ ทีมชาติอินเดีย ที่สนาม ช้าง อารีนา เวลา 15.30 น.
ทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติเวียดนาม ที่สนาม ช้าง อารีนา เวลา 19.45 น.
วันที่ 8 มิถุนายน 2562
คู่ชิงอันดับ 3 ที่สนาม ช้าง อารีนา เวลา 15.30 น.
คู่ชิงชนะเลิศที่สนาม ช้าง อารีนา เวลา 19.45 น.
โดยแฟนบอล สามารถซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งหน้าเคาน์เตอร์ และระบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com ซึ่งจะมีการจัดจำหน่ายทั้งแบบรายวัน และแบบแพ็คเกจ โดยแฟนบอลที่ซื้อแบบแพ็คเกจจะได้รับส่วนลด 5% โดยทุกนัดจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32