ฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมฟุตบอล สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดการประชุม เพื่อสรุปเรื่องความคืบหน้าการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย ในช่วงเดือนมกราคม 2563
การประชุมในครั้งนี้นำโดย ยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่ายเอเชียน คัพ ของ AFC พร้อมด้วยคณะทำงาน, และตัวแทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย, สนาม ติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา, สนาม ธรรมศาสตร์ รังสิต และ สนาม ช้าง อารีนา จังหวัด บุรีรัมย์
ภายหลังการประชุม ยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่ายเอเชียน คัพ กล่าวว่า “อย่างที่หลายท่านทราบว่า สนามเชียงใหม่ ไม่พร้อมสำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ทางเอเอฟซี ก็ได้เดินทางมาตรวจที่สนามบุรีรัมย์ ที่เป็นอีกตัวเลือก ในการทดแทน และหลังจากที่เราได้ตรวจสอบสนาม ในช่วงที่ผ่านมา ก็คิดว่า สนามบุรีรัมย์ มีความพร้อมในการจัดการแข่งขัน จึงได้ตัดสินใจและยืนยันว่า สนามบุรีรัมย์ จะเป็นสนามที่มาทดแทนของเชียงใหม่”
“สนามบุรีรัมย์ ถือว่ามีความพร้อม อาจจะต้องปรับปรุงบางส่วนเล็กน้อย พื้นสนามก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ที่ไปตรวจมา ทางเราก็มีข้อกำหนดที่จะรวบรวมเป็นเอกสารและส่งมอบให้กับบุรีรัมย์ต่อไป”
“ในส่วนของราชมังคลากีฬาสถาน ได้มีการไปตรวจสอบในหลายส่วน และทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้ดำเนินการและอธิบายแผนงานที่จะปรับปรุงสนาม ทางเราก็รับทราบและติดตามต่อไป พร้อมให้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันการปรับปรุงสนามให้แล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนธันวาคม”
“ทางเราก็เชื่อว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาตรวจสนามในหลายครั้ง รวมถึงแผนงานต่างๆที่เสนอมาให้เราได้ดู ผมเชื่อว่าทั้งสี่สนามจะมีความพร้อมและส่งมอบ จัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ได้สำเร็จ”
ฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมฟุตบอล สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ก็จะจัดพิธีจับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ โรงแรม สวิส โซเทล รัชดา ในวันที่ 26 กันยายน 2562 เวลา 14.30 น.
นอกจากนี้ ทาง AFC มีกำหนดการเดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการปรับปรุงสนามอีกครั้งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะส่งมอบภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ต่อไป