เมื่อค่ำวันพุธที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วย จุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานสื่อสารการตลาด บ.เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เดินทางมาให้กำลังใจและส่งทัพนักบิดดาวรุ่ง ช่างเทคนิค และทีมงานทั้งหมด ภายใต้สังกัดทีมแข่งสัญชาติไทย เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ บินลัดฟ้ามุ่งหน้าสู่แดนปลาดิบ เพื่อร่วมทำการแข่งขันในรายการ JP250 4Hrs Endurance Race 2019 ( เจพี250 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 ) และ Suzuka Sunday Road Race(ซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ 2019) ที่สนามซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้
ตามแผนงานด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตของ เอ.พี.ฮอนด้า ภายใต้โครงการ Race To The Dream ( เรซ ทู เดอะ ดรีม ) ที่ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2017 เพื่อเป้าหมายการพัฒนานักบิดไทยและทีมแข่งสัญชาติไทยให้สามารถก้าวขึ้นสู่สนามระดับโลกได้อย่างแข็งแกร่ง รวมไปถึงผลักดันนักบิดไทยสู่การแข่งขันระดับโลก “โมโตจีพี” ให้ได้ภายในปี 2025 ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 3 ของแผนโร้ดแม็ปดังกล่าว เอ.พี.ฮอนด้า ได้ยกระดับการพัฒนาในแต่ละขั้นสู่มาตรฐานทีมแข่งระดับโลก หนึ่งในนั้น คือ การเปิดโอกาสให้นักแข่งได้เข้าร่วมฝึกฝนทักษะการขับขี่ขั้นสูง ด้วยการท้าทายให้นักแข่งได้เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อสะสมประสบการณ์ในรายการระดับนานาชาติที่สูงขึ้น
โดยล่าสุด เอ.พี.ฮอนด้า ได้ส่ง 3 นักบิดดาวรุ่งอย่าง “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ และ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ สองนักบิดฝีมือดีจากศึกดวลความเร็วประจำทวีปเอเชีย รายการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2019 และ “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน นักบิดดาวรุ่งผู้คว้าดับเบิลแชมป์การแข่งขัน ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ 2019 สนามล่าสุดที่ช้างฯ เซอร์กิต พร้อมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งรับหน้าที่เป็นนักบิดสำรอง ร่วมทำศึกบิดหฤโหด รายการ JP250 4Hrs Endurance Race 2019 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกเมื่อปี 2018 และสามารถผงาดคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ในประเภททีมแข่งเนชั่นแนล ขับขี่โดยสองคู่หูดาวรุ่งที่เพิ่งผนึกกำลังพาทีมแข่ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ กวาดแชมป์โฮมเรซ ศึกดวลความเร็วแห่งทวีปเอเชีย รายการเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ สนาม 3 ที่บุรีรัมย์ ได้อย่างสะใจกองเชียร์ชาวไทย นำโดย ยอดนักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทย “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช และทีมเมทรุ่นน้อง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี โดยควบตัวแข่งฮอนด้า CBR 250RR หมายเลข 149 ภายในเวลา 4 ชั่วโมง วิ่งได้จำนวน 92 รอบ
นอกจากเป้าหมายเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งและป้องกันแชมป์ JP250 แบบเอ็นดูรานซ์แล้ว ในปีนี้ เอ.พี.ฮอนด้า ยังได้ริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่งที่ได้ดำเนินการร่วมกับ Mobility Land (โมบิลิตี้ แลนด์) ผู้บริหารสนามซูซูกะ แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้โอกาสนักแข่งในรายการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ และรายการซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ ได้มีประสบการณ์การแข่งขันในสนามใหม่ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เพื่อสะสมประสบการณ์และพัฒนาทักษะการขับขี่ขั้นสูงต่อไปในอนาคตอีกด้วย
ส่วนนักบิดดาวรุ่งของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่ได้ประเดิมเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักแข่งครั้งนี้ ได้แก่ “การ์ฟิว” วัชรินทร์ ทับทิมอ่อน ซึ่งนอกจากจะสแตนด์บายศึกดวลความทรหด JP250 แบบเอ็นดูรานซ์แล้วยังลงแข่งในรายการซูซูกะ ซันเดย์ โร้ด เรซ ด้วย ร่วมกับ“พีไนท์” กันตพัฒน์ แยบการไถ นักบิดดาวรุ่งอนาคตไกลวัย 15 ปี เจ้าของแชมป์ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ ปี 2018 ปัจจุบันทำการแข่งขันในศึกฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ 2019 ผลงานล่าสุด ผ่านการชิงชัยไปแล้ว 4 เรซ เก็บแต้มสะสมได้ทั้ง 4 เรซ มี 26 แต้ม รั้งอันดับที่ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โดยทั้งคู่จะลงทำการแข่งขันในรุ่น J-GP3 บิดดวลความเร็ว 10 รอบสนาม ระยะทาง 5.8 กิโลเมตร บนสังเวียนซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 8-9 มิถุนายนนี้ เช่นเดียวกัน
สำหรับศึกดวลความเร็วสุดทรหด เอ็นดูรานซ์ JP250 4Hours เป็นการแข่งขันที่แตกต่างจากรายการทั่วไปที่เน้นขับขี่เข้าเส้นชัยให้เร็วที่สุดเพื่อคว้าชัยชนะ แต่กับรายการนี้ ทีมแข่งต้องทุ่มเทพลังกายและพลังใจ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในการลงแข่งขันแบบมาราธอนตลอด 4 ชั่วโมง ไม่มีพักเบรก เป็นการแข่งขันกันที่ความพร้อมของทีมแข่ง ความแข็งแกร่งของนักบิด สมรรถนะของรถแข่งที่พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อร่วมแรงร่วมใจกันพาทีมไปถึงโพเดี้ยมแชมป์ให้ได้ โดย 1 ทีมที่ลงแข่งขันประกอบด้วย นักแข่งจำนวน 2 คน นักแข่งสำรอง 1 คน, รถแข่งที่ดีที่สุด 1 คัน และช่างเครื่องยนต์ประจำทีม เมื่อสัญญาณออกสตาร์ทเริ่มต้น นักบิดทุกทีมจะวิ่งจากพิทเลนไปที่รถของตัวเอง ก่อนกระโดดขึ้นรถแล้วออกสตาร์ททันที ซึ่งแข่งขันกันภายในเวลา 4 ชั่วโมง ทีมไหนขับขี่ได้จำนวนรอบเยอะที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
ทั้งนี้ รายการแข่งขันรายการ เจพี250 เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง โร้ด เรซซิ่ง จะใช้กฎกติกาเดียวกันกับ รายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง แตกต่างกันเพียงรถแข่งที่ใช้ดวลความเร็วนั่นคือ ฮอนด้า ซีบีอาร์ 250อาร์อาร์ (Honda CBR250RR) ต่างจากรายการ ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง ที่ใช้รถแข่ง ฮอนด้า ซีบีอาร์ 600อาร์อาร์ (Honda CBR 600RR)
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถส่งแรงใจเชียร์นักบิดดาวรุ่งในสังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ในศึกการแข่งขัน JP250 4Hrs Endurance Race 2019 และรายการ Suzuka Sunday Road Race 2019 รุ่น J-GP3 ผ่านการถ่ายทอดสดพร้อมรับฟังบรรยายเสียงภาษาไทย ได้ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า (Honda Motorcycle Thailand) หรือที่ www.facebook.com/hondamotorcyclethailand ในวันเสาร์ที่8 มิ.ย.รอบ Qualify เริ่มเวลา12:05-15:20 อาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. แข่งขันรายการ JP250 ตั้งแต่เวลา 05.40-11:00 น. ต่อด้วยรายการ Suzuka Sunday Road Race 2019 รอบชิงชนะเลิศรุ่น J-GP3 เริ่มเวลา 14.20-15:30น. ตามเวลาประเทศไทย